TQM โชว์แกร่ง! กำไร All Time High แตะ 202 ล้านบาท

TQM โชว์แกร่ง! กำไร All Time High แตะ 202 ล้านบาท

TQM โชว์แกร่ง!

กำไร All Time High แตะ 202 ล้านบาท

                บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น โชว์ผลงานไตรมาส 1/64 กำไรสุทธิ All Time High แตะ 201.7 ล้านบาท หลังกวาดรายได้รวมไปเกือบ 850 ล้านบาท ตามการเติบโตของยอดขายประกันภัยเกือบทุกประเภทผ่านทุกช่องทาง โดย “เบี้ย COVID-19” ทำได้ราว 200 ล้านบาท ขณะที่ช่องทางออนไลน์โดดเด่น ฐานลูกค้าพุ่งแตะ 1.5 ล้านคน หลัง COVID-19 เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค เน้น Work Form Home – ช็อปปิงออนไลน์ ผู้บริหารมั่นใจไตรมาส 2/64 ต่อเนื่องครึ่งปีหลังยังเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ หนุนภาพรวมปี 2564 เติบโตสุดแกร่ง ยอดขายทะลุเป้า 25,000 ล้านบาท อานิสงส์เบี้ย COVID-19 พุ่ง มั่นใจทั้งปีทำได้กว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมบุกพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันออนไลน์เต็มรูปแบบ รองรับความต้องการพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล ขณะที่ดิวร่วมลงทุน “ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์” และ “ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์” ประมาณการปี 2564 เบี้ยประกันรวมกว่า 1,000 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 200 ล้านบาท กำไรสุทธิมากกว่า 30% ต่อปี คาดเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 3/64

                ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 ว่า บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 201.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All Time High) ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้รวมแตะ 845.6 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ค่าบริการ จำนวน 828.8 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขายประกันภัยเกือบทุกประเภทเติบโตขึ้นในทุกช่องทาง โดยเบี้ยประกัน COVID-19 ทำได้ราว 200 ล้านบาท ขณะที่ช่องทางออนไลน์เติบโตก้าวกระโดดฐานลูกค้าพุ่งแตะ 1.5 ล้านราย หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 50% ของฐานลูกค้าทั้งหมด หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค หันมา Work Form Home และช็อปปิงออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน

                ขณะเดียวกัน บริษัท ฯ ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการปรับลดลงต่อเนื่อง 1.4% เหลือ 401.8 ล้านบาท จากการเดินหน้านำดิจิทัลเข้ามาปรับใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและประสิทธิผลงานด้านบริการ ส่งผลให้บริษัท ฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับสูงที่ 51.5% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 189.6 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ในระดับ 23.8% 

                ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตไตรมาส 2/64 ต่อเนื่องครึ่งหลังของปี 2564 มั่นใจยังเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ ผลักดันภาพรวมทั้งปี 2564 สุดแกร่ง ปิดยอดขายทะลุเป้า 25,000 ล้านบาท อานิสงส์เบี้ยประกัน COVID-19 เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/64 ที่ทำได้ราว 200 ล้านบาท หนุนภาพรวมทั้งปีทะลุ 1,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด ณ เมษายน 2564 ทำได้แล้วกว่า 700 ล้านบาท สูงกว่าเฉลี่ยทั้งปี 2563 ที่ทำได้ราว 500 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัท ฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ประกัน COVID-19 พร้อมประกันแพ้วัคซีน ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด 

                นอกจากนี้บริษัท ฯ ยังเดินหน้าพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันผ่านออนไลน์แบบแยก Segment เต็มรูปแบบ ตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอลที่เปลี่ยนจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ และหันมาให้ความสำคัญกับการทำประกัน โดยเฉพาะประกันสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการออกแบบและพัฒนาระบบออนไลน์ไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้บริษัท ฯ สามารถพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อนำเสนอได้ทันกับสถานการณ์ ตรงกลุ่มเป้าหมาย และปิดงานได้อย่างรวดเร็ว

                ขณะที่ความคืบหน้า กรณีเข้าร่วมลงทุนในบริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้นำด้านนายหน้าประกันชีวิตประเภทกลุ่มของประเทศไทย พร้อมฐานลูกค้ากว่า 5 แสนราย และ บริษัท ทรู เอ็กซ์ตร้า โบรกเกอร์ จำกัด ประมาณการปี 2564 ซึ่งมีเบี้ยประกันรวมกว่า 1,000 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 200 ล้านบาท กำไรสุทธิมากกว่า 30% ต่อปี เบื้องต้นคาดปิดดีลได้เดือนกรกฎาคมนี้ โดยจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ (Consolidate) ภายในไตรมาส 3/64 เป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นอีกย่างก้าวสำคัญของการขยายธุรกิจสู่นายหน้าประกันชีวิต พร้อมเสริมแกร่งธุรกิจนายหน้าประกันภัย ต่อจิ๊กซอว์การเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ผลักดันยอดขายปี 2564 ทะลุเป้า 25,000 ล้านบาท และแตะ 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2569

                “ผลงานไตรมาส 1/64 ออกมาเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องได้ ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19               ที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนฉับพลัน หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน หลายหน่วยงานเน้น Work Form Home                  ส่วนสำคัญมาจากการเตรียมความพร้อมในเรื่องเทคโนโลยี สามารถรองรับทั้งงานขายและงานบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่บุคลากรก็พร้อมขานรับและปฏิบัติตามนโยบายของบริษัท ฯ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และรูปแบบการทำงานได้อย่างรวดเร็ว” ดร.อัญชลิน กล่าว

You may also like

เปิดผลสำรวจแนวโน้มความเสี่ยงปี 68 “อินเตอร์ฯ เอสโอเอส”เผยองค์กร 75% มองความวุ่นวายทาง“สังคม-การเมือง”เสี่ยงสูงสุดในโลก

เปิดผลสำ