ถอดแบบความสำเร็จ “HOYO”  คอกกั้นเด็กจากแพชชันคุณแม่ โตพุ่งในตลาดพรีเมียม เปิดเกมรุกตลาด B2B เต็มสูบ

ถอดแบบความสำเร็จ “HOYO”

 คอกกั้นเด็กจากแพชชันคุณแม่

โตพุ่งในตลาดพรีเมียม เปิดเกมรุกตลาด B2B เต็มสูบ

     HOYO (โฮโย) แบรนด์คอกกั้นเด็กจากแพชชันคุณแม่คนไทย เผยการสร้างผลิตภัณฑ์สู่ตลาดด้วยแนวคิดฉีกภาพคอกกั้นแบบเดิมๆ สู่ #หลุมรักที่เหนือกว่า ด้วยฟังก์ชันใช้งานมากกว่า 20 ฟังก์ชัน ไอเดียออกแบบที่คิดอย่างใส่ใจเพื่อบ้านหลังแรกของลูก และวัสดุที่ดีที่สุดรองรับได้ทุกความปลอดภัย จนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาเพียง 5 ปี พร้อมเตรียมต่อยอดสู่ตลาด B2B ยกระดับการเติบโตอีก 10% สวนทางอัตราการเกิดที่ลดลงในปี 2566 นี้

คุณก้อย ญาภัทร สรรพวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮโยยูไนท์กรุ๊ป จำกัด ได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนภาพเดิมของคอกกั้นเด็กสู่การเป็น #หลุมรักที่เหนือกว่า โดยหลังจากพบว่าผลิตภัณฑ์ที่มีในท้องตลาดไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตนเองที่กำลังวางแผนมีลูกได้ จึงเริ่มมีความตั้งใจออกแบบและสร้างคอกกั้นเด็กขึ้นมาโดยอาศัยความรู้จากธุรกิจ OEM เบาะรถมอเตอร์ไซค์ของครอบครัว รวมถึงประสบการณ์ทำงานพัฒนาสินค้าเด็กในประเทศอังกฤษ บวกกับแรงขับเคลื่อนจากความตั้งใจจริง มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2559 จนลงตัวทั้งในแง่วัสดุ ความปลอดภัย และฟังก์ชันการใช้งาน พร้อมออกสู่ตลาดเต็มตัวในชื่อแบรนด์ “HOYO” เมื่อปี 2560

ในก้าวแรกของคอกกั้นเด็ก HOYO คุณก้อย เลือกปรับเปลี่ยนตั้งแต่แนวความคิดโดยการไม่สร้างที่ขังหรือที่ล้อมเด็ก รวมถึงการฉีกออกจากภาพจำเดิมๆ ว่าคอกกั้นจะต้องมีลักษณะเป็นโครงไม้หนักๆ ใหญ่ๆ หรือเป็นของที่มีลวดลายไม่เข้ากับของใช้ในบ้าน อีกทั้งยังวางโพสิชันให้ผลิตภัณฑ์เป็นเซฟโซนในการฝึกพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิด โดยพิถีพิถันในการออกแบบฟังก์ชันที่ประยุกต์ได้หลากหลายมากกว่า 20 ฟังก์ชัน เพื่อตอบโจทย์การขยาย Lifetime ของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานที่สุด ตั้งแต่การปรับใช้เป็น Baby Crib ในช่วงแรกเกิด ปรับใช้เป็น Opening Wall ฝึกพัฒนาการยืนและเดิน ปรับสร้าง Playmat สำหรับพื้นที่เล่นอย่างอิสระ จนถึงการปรับใช้แบบ Sofa Bed เป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นในบ้าน ฯลฯ

“เราสื่อสารถึงพ่อแม่เสมอว่า HOYO ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายหลักไว้กันเด็ก เราตั้งใจให้เป็นมันเป็นบ้านหลังแรกที่โตไปกับเขา เพราะถึงวัยหนึ่งที่ต้องเปิดคอกกั้นให้เด็กออกไปเรียนรู้ภายนอก แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็จะกลับมายังบ้านหลังแรกของตัวเองอยู่ดี” คุณก้อยกล่าว

สำหรับวัสดุที่ใช้ผลิตคอกกั้นเด็กได้มีการคัดสรรวัสดุที่ดีที่สุด เริ่มที่การใช้หนัง PU ผลิตด้วยเทคโนโลยีพิเศษจากประเทศเกาหลี มีสัมผัสเนียนนุ่ม เย็นสบาย กันน้ำ และไร้กลิ่น ปลอดภัยจากสารอันตรายกว่า 30 ชนิด ผ่านการรับรองมาตรฐานจากทั้งยุโรปและอเมริกา ซึ่งในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา HOYO ได้พัฒนานวัตกรรมผ้าหนังเกรดพรีเมียมของตัวเอง ด้วยการนำเส้นใยไปผ่านการชุบสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 2 สาเหตุหลักของโรคอาหารเป็นพิษและโรคท้องเสียให้ตายใน 24 ชั่วโมง โดยสามารถรักษาประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อได้ 99.9%

ด้านวัสดุภายในเป็นโฟมที่พัฒนาขึ้นเองโดยใช้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ผสมผสานกับ Know-How จากธุรกิจ OEM เบาะรถมอเตอร์ไซค์ของครอบครัว ทำให้ได้เนื้อโฟมที่นุ่ม เนื้อแน่น และไม่ยวบ โดยมีการทดสอบปล่อยไข่ไก่สดที่ความสูง 1.5 เมตรและไข่ไก่ไม่แตก ทำให้เห็นว่าเนื้อโฟมสามารถรองรับศีรษะเด็กไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนได้อย่างดี อีกทั้งยังมีการทดสอบการกดทับด้วยน้ำหนัก 70 กิโลกรัม ที่ตำแหน่งเดิม 20 รอบ/วัน ต่อเนื่องเทียบเวลา 10 ปี พิสูจน์ว่ามีการยุบเพียง 1% หรือ 0.29 มิลลิเมตร ทำให้มั่นใจได้ถึงความมีประสิทธิภาพใช้งานอย่างสูงสุดไม่ต่างจากวันแรก

คุณก้อย ยังเสริมถึงรายละเอียดที่คิดจากความใส่ใจ โดยเฉพาะส่วนของวัสดุเชื่อมต่อทั้งซิปไนลอนถักที่รับน้ำหนักได้กว่า 90 กิโลกรัม/คู่ ตีนตุ๊กแกไม่คมที่ตัดเย็บซ่อนขอบด้วยความประณีตเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กอ่อน มีการออกแบบผนังคอกกั้นให้ยืดหยุ่นสำหรับเป็นกันชน (Buffer) ป้องกันการบาดเจ็บเมื่อเด็กล้มชนผนัง โทนสีที่มีความมินิมอลเรียบง่ายให้ความรู้สึกเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน รวมถึงอีก “จุดเด่น” ที่ทำให้ HOYO แตกต่างจากสินค้าในตลาดคือการฉีกกฎ “ยิ่งสูงยิ่งดี” และออกแบบความสูงของคอกกั้นเด็กเพียง 50 เซนติเมตรเท่านั้น

“ปกติภาพเดิมของคอกกั้นคือยิ่งสูงยิ่งดียิ่งปลอดภัย แต่เราคิดกลับกันว่าด้วยความสูง 50 เซนติเมตร ข้อดีคือความสูงเท่านี้มันจะเสมอกับขอบเก้าอี้ ขอบเตียง ขอบโซฟา ซึ่งมันไม่สูงเกินไปจนเด็กมองไม่เห็นพ่อแม่ที่อยู่ด้านนอกจนเกิดความรู้สึกถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว และเมื่อถึงวัยที่เด็กเริ่มพยายามปีนคอกกั้น ซึ่งกรณีที่เด็กพลาดพลัดตกลงมาเขาจะยังพอทรงตัวได้ ต่างจากความสูงอื่นที่ยิ่งสูงจะยิ่งทำให้เจ็บมากขึ้น” คุณก้อย กล่าวและบอกต่อว่า ความที่ HOYO เป็น Safety Product ทำให้แบรนด์เลือกที่จะทำตลาดเพียงไม่กี่ช่องทาง เพื่อให้ลูกค้าได้ Educate ให้เข้าใจและรู้จักกับแต่ละหัวข้อความปลอดภัยที่ HOYO ต้องการสื่อสารอย่างละเอียด

โดยปัจจุบัน HOYO มีการจัดจำหน่ายพร้อมให้ความรู้ความเข้าใจจากพนักงาน โดยโชว์รูม HOYO ตั้งอยู่บนถนนพระรามสาม เปิดให้บริการแบบส่วนตัวโดยการนัดหมายล่วงหน้า อีกทั้งยังมีตัวแทนจำหน่ายจากร้าน BABYINSTYLE เมกะบางนา, ร้าน LOULOU ทองหล่อ, ร้าน The Little Store เอกมัย, ร้าน Index Living Mall สาขาเดอะวอร์ค เกษตร-นวมินทร์ และในด้านช่องทางออนไลน์จะมีบริการใน Facebook, Line และ Instagram ที่เป็นของแบรนด์โดยเฉพาะ นอกเหนือจากนี้ HOYO ยังเตรียมเข้าร่วมงานแสดงสินค้า “Kind + Jugend ASEAN 2023” ในวันที่ 5-8 เม.ย. 2566 นี้ ณ ไบเทค บางนา เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่ม B2B มากขึ้น