การย้ายพรรคชุลมุน จะอุ้ม “บิ๊กตู่” ได้สืบทอดอำนาจสำเร็จหรือไม่??
ณ วันนี้ที่เป็นหลังวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ก็หมดเวลาสำหรับนักการเมืองที่จะย้ายพรรคไปซบกับพรรคอื่น
หรือผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ไม่มีสิทธิที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคตามที่ตนเองชมชอบ
ถ้าวันเลือกตั้งคือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ทุกฝ่ายต้องการ บุคคลที่อยากชิงชัย ส.ส.ต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง 90 วันตามกฎหมายที่ได้ระบุไว้
ปัญหาการย้ายพรรคของนักการเมืองที่พูดกันสนั่นเมือง ก็มิใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการเมืองไทย
แต่ก็เกิดขึ้นมาตลอดตั้งแต่ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ประชาธิปไตยการเลือกตั้งจากประชาชน
ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งตามวาระ ไม่ว่ามาจากการยุบสภา หรืออยู่ครบเทอม หรือจากรัฐประหารมาสู่การเลือกตั้ง ก็มีการย้ายพรรคกันสนุกสนานหรรษาของบรรดานักการเมืองเป็นปกติวิสัยทางการเมือง
เวลานี้ใครเป็นใครที่ย้ายพรรค หรือเป็นผู้สมัครของพรรคคนใหม่ ๆ ประชาชนที่ติดตามข่าวสารการเมืองคงจำกันไม่หวาดไม่ไหว
แต่ถ้านักการเมืองหน้าเก่าที่ประชาชนในพื้นที่จดจำได้ ไม่ว่าจะย้ายไปพรรคไหน ถ้ารักขอบคนนั้น ๆ ก็อาจจะได้หวนกลับมาเป็นผู้แทนราษฎรได้อีก
อดีต ส.ส.ที่ย้ายพรรคก็มีเสียงอวยพรตามหลังให้โชคดี และก็มีเสียงเยาะเย้ยว่าไปแล้วคงจะได้รู้สึก
จากสถิติการเลือกตั้งเมืองไทยที่ผ่าน ๆ มา ผลปรากฎว่าในการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมี ส.ส.คนใหม่เข้ามาแทนที่คนเดิมประมาณ 20 – 30 %
ส่วนเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 จะมีอดีต ส.ส.คนหน้าเดิมสอบตกกี่คน และอดีต ส.ส.ที่ย้ายพรรคสอบไม่ได้กี่คน
ก็ขอให้นักการเมืองหน้าเก่า และนักการเมืองที่ย้ายพรรคโชคดีกันทุกคน!!
เชื่อว่าใคร ๆ ก็อยากรู้ว่า ใครจะโชคดีมีชัยเป็นผู้ทึ่จะมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป จะเป็นคนใหม่ที่ไม่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี
ตามโพลของนิด้าล่าสุดระบุว่า “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์” ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งประชาชนร้อยละ 25.16เห็นควรนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาเป็นอันดับหนึ่ง
ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงตามโพล ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตามมาติดก็คือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. นายกรัฐมนตรีในขณะนี้ที่ประชาชนร้อยละ 24.05 อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นลำดับ 2
ถ้าสามารถใช้แรงทางการเมืองแซงโค้งสุดท้ายได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมความปรารถนาของ คสช. ก็จะเป็นนายกรัฐมนตรีหน้าเก่าคนเดิม
ส่วนระดับ 3 ที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็คือหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ของคนรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ถ้าพลิกล็อกได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริง ก็ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่คนใหม่ที่น่าจับตาดูว่าจะทำให้ประเทศชาติมีอนาคตใหม่หรือไม่
สำหรับ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ประชาชนมีความเห็นเพียงอันดับ 4 มีคะแนนต่ำกว่าสิบอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะแพ้คนใหม่แห่งอนาคตใหม่??
ยังมีความเห็นของประชาชนที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี อีกหลายคน แต่ก็ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ และดูทิศทางการเมืองแล้วก็คงไม่ได้เป็น
แต่ทิศทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเดินหมากเดินเกมเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งให้สมความปรารถนาของ คสช.
เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้เปิดทางสว่างให้ พรรคการเมืองที่จะส่ง ส.ส.ลงสู้ศึกเลือกตั้งต้องเสนอชื่อผู้ใดเป็น “นายกรัฐมนตรี” 3 ชื่อ ให้ประชาชนได้รับรู้กันทั่วประเทศ โดยบุคคลนั้นไม่จำเป็นต้องสมาชิกพรรค หรือเป็นหัวหน้าพรรค
แม้ว่า “บิ๊กตู่” ยังมิได้ประกาศว่ามีพรรคไหนส่งเทียบเชิญในการเสนอขื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ลือกันจนเป็นข่าวจริงแท้แน่นอนว่า “พรรคพลังประชารัฐ” ยินดีที่จะเสนอชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว
ประชาชนคนไหนกลุ่มใดชอบรัก “บิ๊กตู่” ก็เลือกพรรคต่าง ๆ ที่สนับสนุน “บิ๊กตู่” ตามสบาย!!
ส่วนคนที่ไม่รักเกลียด “บิ๊กตู่” ก็ไม่ต้องเลือก ไปเลือกพรรคการเมืองที่ประกาศต่อต้าน “บิ๊กตู่” ไม่ให้สืบทอดอำนาจ
มีผู้รู้บอกถึงสาเหตุว่าทำไม “บิ๊กตู่” ต้องการเป็น “นายกรัฐมนตรี” ต่อไป ก็เพราะอยากเป็นประธานอาเซียนที่ประเทศไทยถึงคิวได้เป็นประธานในปี 2562
ที่สำคัญ “บิ๊กตู่” เป็นห่วงนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของ คสช.จะเสียของ ก็อยากเข้ามาขับเคลื่อนให้สำเร็จลุล่วง
แต่เชื้อเหอะ “บิ๊กตู่” ไม่สามารถเป็น “นายกรัฐมนตรี” 20 ปีแน่ ต้องอำลาสวัสดีไปก่อน??
นายจักรยาน
Social Links