การเมืองเข้าสู่โค้ง “ขาขึ้น” แต่ “โควิด”เป็น “ขาลง”!!

การเมืองเข้าสู่โค้ง “ขาขึ้น” แต่ “โควิด”เป็น “ขาลง”!!

การเมืองเข้าสู่โค้ง "ขาขึ้น" แต่ "โควิด"เป็น "ขาลง"!!

นายจักรยาน

                สถานการณ์บ้านเมืองของเราที่ทำให้ประชาชนคนไทยเริ่มสบายอกสบายใจหายใจได้สะดวกมากขึ้้น ซึ่งหนีพ้นเรือง "โควิด 19" ไวรัสนรกแตก ที่กำลังอยู่ในช่่วงขาลง!!

                เนื่องจากมีหมอหลายท่านได้มีการคาดการณ์กัว่าหลังผ่านพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ไป 7 วัน จะมีผู้ที่ติดเชื้อ "ไวรัสยมบาล"วันละแสนคน

                ปรากฏว่าผ่านพ้นมาครึ่งเดือนจนถึงปัจจุบันนี้มีผู้ที่ติดเชื้อโควิดมหาภัยต่ำกว่า 2 หมื่นคนมาอยู่ที่ต่ำกว่าหมื่นห้าคน

                ถ้าผู้ติดเชื้่อ "ไวรัสอันตราย" ตัวนี้ลดลงไม่ถึงหมื่นคน ก็ย่อมเป็นสัญญานที่ดี แต่ถ้ายังแต่มีผู้ที่เสียชีวิตจาก "ไวรัสเพชฆฆาต" ตัวนี้ยังสูง 100 กว่าคนขึ้นไป ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเช่นกันที่ต้องดูแลรักษากันเต็มที่ให้ยอดตายลดลงต่ำกว่า 100 คน

                ก็สามารถเอ่ยได้เต็มปากว่าอยู่ในช่วง "ขาลง" แล้ว!!

                ทางด้านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ชุดใหญ่ ก็เตรียมพิจารณาให้เจ้าไวรัสโควิดเป็น "โรคประจำถิ่น" ดังเช่นในหลาย ๆ ประเทศได้ประกาศไปแล้ว

             ว่ามาว่าวันที่ 1 กรกฏาคม 2565 จะดีเดย์ให้ "ไวรัสมหาวายร้าย" เป็น "โรคประจำถิ่น" ทั่วประเทศไทย ก็ขอให้คนไทยทุก ๆ คน ไม่ต้องจิตตกกันอีกต่อไป!!

                แต่สำหรับสถานการณ์การเมืองอยู่ในช่วง "ชาขึ้น"  ที่ทำให้บรรยากาศคึกคักอย่างเร้าใจผู้ที่ติดตามข่าวสารการเมืองเพราะอีกไม่ถึงปี สภาผู้แทนราษฎรยุค "ลุงตู่" ก็จะครบเทอม 4 ปีในวันที่ 23 มีนาคม 2566

                และกว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ ก็อีกประมาณ 2 เดือนหรือไม่เกิน 60 วัน

                ด้วยเหตุฉะนี้ สถานการณ์การเมืองจึงเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปีสุดท้าย วาระสภาผู้แทน ฯ ยุค "ลุงตู่" 

                ดังนั้น พรรคการเมืองทั้งเก่าและจัดตั้งขึ้นมาใหม่ก็ต้องเคลื่อนไหวเปิดตัวทั้งแกนนำของพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคตามภูมิภาต่าง ๆ ให้เปรี้ยงปร้างให้เป็นที่สนใจของประชาชน

                พรรคการเมืองใหม่อันดับแรกที่่น่าจับตาดู  ก็คือ "พรรคสร้างอนาคตไทย" ของ "เสี่ยอุตตมะ สาวนายน" หัวหน้าพรรค และ "เสี่ยสนธิรัตน์  สนธิจิระวงศ์" เลขาธิการพรรคการเมือง  2 จาก 4 กุมารทางการเมืองไม่ยอมถอยห่างจากการเมืองหลยหลบหน้าหนีไปไหน

                ได้เปิดตัวชู "เฮียกวง" สมคิด  จาตุศรีพิทักษ์" เป็นแคนดิเดท " นายกรัฐมนตรี" ในศึกการเลือกตั้งครั้งหน้า

                พรรคขนาดกลางขนาดเล็กก็เร่งรีบประกาศให้พ่อแม่พี่น้องได้รับรู้ถึงทีท่าบทบาทการแสดงของพรรคว่า จะมียุทธวิธีเดินหน้าลุยไปอย่างไรในสมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า

                "พรรคชาติไทยพัฒนา" ชองคนโตต้วเล็ก "เติ้ง บรรหาร" ผู้ล่วงลับไปแล้วที่ลูกสาวและลูกชาย "กัญจนา และ วราวุธ ศิลปอาชา" รับไม้มาสืบทอดการเมืองของพรรค ได้ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า"พรรคชาติไทยพัฒนา" ไม่ยุบพรรคจะขอลุยสนามการเมืองต่อไป

                โดยจะสู้ให้มี ส.ส.ของพรรคเข้าสู่สัปปายะสภาสถานจำนวน 25 คนขึ้นไป!!

                ส่วน "พรรครวมพลังประชาชาติไทย"ที่มี "เทพเทือก" สุเทพ  เทือกสุบรรณ หนุนดันอยู่เบื้องหลัง ก็ขอสูไม่ถอยเช่นกัน  แต่ขอเปลี่ยนชื่อพรรคยาว ๆ ที่จำกันกยากหน่อยให้หดสั้นลงเป็น"พรรครวมพลัง" !!

                ส่วนการ "รวมพลัง" จะทำให้มี ส.ส.ของพรรคเข้าสู่สภาผู้แทน ฯ เพิ่มขึ้นจากเดิมหรือไม่ ก็อยู่ที่่พ่อแม่พี่น้่องประชาชนผู้ลงคะแนนให้!!

                ทางด้านพรรคเล็ก ๆ หลายพรรคก็ได้เตรียมที่ประชุมหารือรวมพรรคเข้าด้วยกัน  เพราะไม่มีคะแนนเขย่งมาเป็นต้วช่วย  เนื่องจากมีการแก้ไขให้กาบัตร 2 ใบ ใบแรกกาเลือก ส.ส.เขต ใบที่สองกาเลือก ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของแต่ละพรรค

                จึงเป็นการหนีตายของพรรคเล็กเพื่อไม่ให้ตายไปจากสภาผู้แทนราษฎร

                พรรคไทยสร้างไทยของ "หญิงหน่อย" สุดารัตน์  เกยุราพันธุ์  ก็เดินสายหาชื่อเสียงเข้าสู่พรรคตัวเองทั่วประเทศ  เพราะรู้ดีว่าจะมีพรรคการเมืองใหม่ ๆ เป็นคู่แข่งหลายพรรค 

                ส่วน "พรรครวมไทยสร้างชาติ"ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าเป็นพรรคติ่งสาขาในการสนับสนุน"ลุงตู่"  ยังไม่ได้มีการเปิดตัวกันว่าใครเป็นห้วหน้าพรรคเลขาธิกาาพรรค และกรรมการบริหารพรรคว่ามีใครผู้ใดหน้าตารูปโฉม หล่อ สวย เด่น ดัง หรือขี้เหร่อย่างไร 

                แต่ผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคคนหนึ่งคือ "ดร.เสกกมล อัตถาวร" แรมโบ้อีสาน ได้ประกาศถอนต้วจากพรรค จากสารพิษของคลิปแก้หวยแพง

                ก็มีกระแสเสียงวิเคราะห์และสังเคราะออกมาว่า "พรรครวมไทยสร้างชาติ" อาจจะปิดฉากลงหรือเปล่า??

                หันมาดู "พรรคเพื่อไทย" แกนนำฝ่ายค้าน ก็ได้โหมโฆษณา "แลนด์สไลด์" ทั้งแผ่นดินทุก ๆ วัน!?!

                พร้อมทั้งอุ้ม "อุ๊งอิ๊ง" แพรทองธาร  ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยพรรคจะเสนอชื่อเป็นแคนดิเดท "นายกรัฐมนตรี" นายกฯหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทยต่อจาก "อาปู"

                รับรองว่าเกมการเมืองนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะยอมให้แก่ "หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" โดยไม่กล้าหือกล้าฮือ!!

                พรรคฝ่ายค้านอีกพรรคที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือ "พรรคก้าวไกล" ก็เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าเช่นกัน โดยขอเข้ามาจัดการปรสิตประชามธิปไตย

                ก็ว่ากันไปตามภาษาวาทะทางการเมืองที่ฟังแล้วก็ต้องคิดว่าทำได้จริงหรือไม่??

                อีกพรรคคือ "พรรคเศรษฐกิจไทย" ที่เคารพรักต่อ "ลุงป้อม" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่มีน้องรัก "พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา" เป็นหัวหน้าพรรค และ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" เป็นเลขาธิการพรรค ก็เปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรคให้เป็นที่ฮือฮาว่าเป็นความจริงระดับไหน

                ไม่ว่าจะชื่อ "ธีระชัย  ภูวนาถนรานุบาล" อดีต รมว.คลัง สมัย "ปู" และ "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ" อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ 

                ซึ่งมี "ท่านธีระชัย" ที่ยอมรับว่าได้มีการติดต่อพูดคุยกัน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจวาจะเอาหรือไม่เอา

                ส่วน "ท่านมิ่งขวัญ"  ณ วันนี้ยังเงียบอยู่  เชื่อว่าอีกไม่นานเกินคงได้เปิดปากอะไรออกมาบ้าง!!

                สำหรับพรรคการเมืองใหญ่ที่ร่วมเป็นรัฐบาล "เรือเหล็กตู่" คือ พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้เคลื่อนไหวที่มีลีลาตามสไตล์แตกต่างกัน

                โดยพรรคภูมิใจไทยของ "เสี่ยหนู" อนุชิน  ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคได้ประกาศเสียงดังฟังชัดเจนทั้งสองรูหูว่า  การเลือกตั้งครั้งหน้าทางพรรคจะต้องได้ ส.ส.เข้าสู่สภาผู้แทน ฯ 100 คนขึ้นไป

                ก็ว่ากันไปตามถนัดของวิชาการเมือง  ส่วนจะได้ตรงตามเป้าหรือไม่  วันเลือกตั้งครั้้งหน้าคงได้คำตอบ!!

                ส่วน พรรค ปชป. ก็มีเสียงโด่งดังทะลุทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนี้ ก็เหมือนเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้พรรคดังยิ่ง ๆ ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

                คือคดีฉาวกามของอดีตรองห้วหน้าพรรค ปชป.ที่ทำให้พรรค ปชป.ระส่ำระสายแตกแยกกันในการไล่และสนับสนุนของ"เสี่ยอู้ดด้า" จุรินทร์  ลักษณวิศิษฐ์" หัวหน้าพรรค

                กระแสข่าวต่าง ๆ ที่ออกมาในเรื่องกรรมการบริหาร 2-3 คนได้ลาออกจากตำแหน่้งกรรมการบริหารพรรคที่ให้เหตุผลว่าอับอายขายขี้หน้าคดีมลพิษของกาม

             ด้วยเหตุฉะนี้และฉะนั้น ก็ย่อมรู้กันว่า "เสี่ยจุรินทร์"  มีคนในพรรครักและชังทางการเมือง  ที่คนในพรรคต้องเล่นบท "กัดกันเอง" เพื่อทำให้ยุ่งกันเข้าไว้

                ให้สมชื่อที่มีการล้อเลียนที่เป็นอมตะว่า "พรรคประชาธิกัด"!!

 ทางด้าน "พรรคพลังประชารัฐ" ของ "ลุงป้อม"  ที่พูดอะไรผิดพลาดหรือพูดอะไรเรื่อยเปื่้อยออกไปก็มีการนำไป "ตีความ" ขยายให้เป็นเรื่องใหญ่

            อย่างเรื่อง "นายก ฯ สำรอง" ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า "ลุงตู่" ต้องกระเด็นจากเก้าอี้เพราะนั่งมาครบ 8 ปีโดยนับรวมกับการน้่งในขณะที่เป็น คสช.อยู่

                ถ้าได้ฟังคำถามจากนักข่าวที่พยามซักไซร้เรื่องการเมืองไปจนถึงเรื่องที่ฝ่ายค้านยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอายุในตำแหน่ง 8 ปี

                ฟังคำตอบเรื่องดังกล่าวจะได้ยินคำว่า "ไม่รู้" ตลอดแทบทุกคำถาม แต่มาถึงเรื่อง "นายกฯสำรอง" ที่เป็นคำถามตรงจุด  ซึ่ง"ลุงป้อม" ก็ตอบไปเรื่อย ๆ แบบไม่รู้ว่า "ไม่รู้ แต่อาจจะมีชื่อสำรอง…."

                เมื่อมีการตอบแบบเรื่อย ๆ ไปเรียง ๆ นกบินเฉียบไปทั้งหมู่  ก็มีการหยิบประโยค"นายกฯสำรอง" มาขยายความทางการเมืองให้อึกทึกครึกโครม

                วันต่อมา "ลุงป้อม" ต้องออกโรงมาปฏิเสธแบบไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิมว่า "มีที่ไหน  ฉันบอกยังไม่รู้ ยังไม่ถึงเวลา โอ้ ไมเข้าใจ"

                นอกจากนี้ "พรรคเศรษฐกิจไทย" ก็ถ่างขยายเรื่องนายกฯ สำรองออกไปอีกแนว โดยทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคได้จุดประเด็นร้อนว่า จะเสนอชื่อ "ลุงป้อม" เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่เปิดโอกาสให้มีได้มาเป็์น "นายกฯ" ขัดตาทัพ ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง!?!

                เมื่อสื่อได้ซักถาม "ลุงตู่" เรื่อง "ลุงป้อม" เป็น "นายก ฯ คนนอก"มาขัดตาทัพ  ปรากฎว่า "ลุงตู่" ไม่ได้พูดอะไร แต่เอามือมาแยงรูหูแบบส่งความหมายว่าไม่อยากได้ยิน??

                ส่วน "ลุงป้อม" ที่โดนซักถามเรื่อง "นายก ฯ คนนอก" เช่นกัน ก็ทำสีหน้าเมินเฉย  ไม่ยอมพูดอะไรสักแอะเดียว หรือหลุดปากพูดตามสไตล์ว่า "ฉันไม่รู้"!!

                การเมืองก็เป็นแบบนี้แหละท่านที่เคารพ  บางครั้งก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เข่้าใจ ก็เพื่อที่จะได่้ประโยชน์จากทางการเมืองที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ

             ก็หวังว่าท่านที่เคารพเข้าใจตรงกันนะจ้ะ!!

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด