จากทูตการค้าฯสู่ “ปราชญ์ชาวดิน” ชีวิตที่(จงใจ)พลิกผันเพื่อพี่น้องเกษตรกรไทย

จากทูตการค้าฯสู่ “ปราชญ์ชาวดิน” ชีวิตที่(จงใจ)พลิกผันเพื่อพี่น้องเกษตรกรไทย

จากทูตการค้าฯสู่ “ปราชญ์ชาวดิน”

ชีวิตที่(จงใจ)พลิกผันเพื่อพี่น้องเกษตรกรไทย

             “สุรพัฒน์ หมื่นศรีรัชต์"อดีตทูตการค้าและการลงทุนได้ผันตัวเองไปเป็น"ปราชญ์ชาวดิน"ประกาศทุ่มเททั้งชีวิตจับมือชาวบ้านผลิต"ปุ๋ยน้ำอินทรีย์ชีวภาพ"แก้ปัญหาปุ๋ยแพงเวอร์นำร่องจังหวัดชัยภูมิ เกษตรกรต้นแบบ เฮ ได้ผลผลิตดี เป็นเศรษฐีแค่พลิกฝ่ามือ  

                เมื่อเอ่ยชื่อ นายสุรพัฒน์ หมื่นศรีรัชต์ อดีตทูตการค้าและการลงทุน หลายๆคนต้องรู้จักกันดี เพราะเคยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย สมัยดำรงตำแหน่งในสถานทูตมาเลเซีย ประจำประเทศ อยู่นานต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประหนึ่งเป็นทูตการค้าระหว่างไทย-มาเลซีย ทั้งได้มีโอกาสเดินทางตามคำเชิญจากหลายประเทศรวมถึงกลุ่มประเทศในแอฟริกา เพื่อประชุม ร่วมกิจกรรมต่างๆมาแล้วหลายครั้ง บทบาทสำคัญสมัยเมื่อได้รับการแต่งตั้งเสมือนทูตการค้านั้นได้เชื้อเชิญ แนะนำตัวแทนภาครัฐ-เอกชนของไทยและมาเลเซียเปิดทิศทางการค้าการลงทุนได้อย่างงดงาม สร้างความภาคภูมิใจให้กับทั้งหน่วยงานในสังกัดและสังคมทั่วไปอย่างกว้าง

                แล้วอยู่ๆ นายสุรพัฒน์ ศรีรัชต์ ก็หายหน้าหายตาไปจากสังคมเมืองเป็นเวลานานจนหลายคนเกิดความสงสัยอาจจะไปดำรงตำแหน่งสำคัญในต่างแดนหรือไม่ก็ไปเป็นที่ปรึกษาองค์กรมีความสำคัญระดับชาติถึงระดับนานาชาตื  แต่แล้วล่าสุดเขาก็ออกมาปรากฏตัวที่เรียกเสียงฮือฮาสุดๆนั่นคือการขึ่จักรยานคันโปรดไปตามสถานที่ต่างๆของอำเภอหนองบัวแดง อำเภอภักดีชุมพล และอื่นๆ ทั้งในเขตชุมชนตลาดสด ตลาดการค้า บางครั้งก็จะปรากฏภาพการอยู่พื้นที่ชนบท เรือกสวนไร่นา แปลงผัก แปลงเกษตร โดยมีประชาชนหรือกลุ่มมองค์กรต่างๆเข้ากิจกรรมอย่างแน่นหรือไม่ก็เห็นภาพการขับรถกระบะบรรทุกข้าวของอุปกรณ์รุงรังเต็มไปหมด  

                แต่แล้วสิ่งที่หลายคนสงสัยก็หายหมดสิ้น เมื่อได้ออกมาเปิดเผยตัวตนจริงในวันนี้ว่า ได้ถอดหัวโขนที่เคยสวมอยู่มาช่วยเหลือ ชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร และอาชีพเกษตรกรที่มีอยู่ทั้งหมดให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมยกขวดบรรจุน้ำสีขุ่นๆที่ป้ายระบุคำว่า ช้างทอง666 พร้อมกล่าวอย่างมั่นใจว่าขวดนี้แหละจะช่วยทำให้เกษตรกรที่เป็นชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติตัวจริงได้ฟื้นจากความลำบากยากเข็น กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นๆจนอาจจะเป็นเศรษฐีระดับพอมีพอกินแค่ชั่วพริบตา อย่างเขาได้ทำสำเร็จมาแล้วก็อาจเป็นได้

                เมื่อถามว่าจะสำเร็จได้อย่างไร ในเมื่อเวลานี้คนไทยจนทั้งแผ่นดินกันไปหมดแล้ว เขายิ้มอย่างมีนัยยะก่อนบอกว่าภาพที่ใครต่อใครเห็นคือของจริง เพราะมันเป็นภารกิจสำคัญที่จะช่วยเกษตรกรสลัดความยากจนจากปัญหาการซื้อปุ๋ยราคาแพงสุดเว่อร์ จนก่อให้ความยากจนถาโถมทับซ้ำเติมแทบจะไม่มีที่ยืนแทบจะไม่มี ลมหายใจกันแล้ว"สิ่งที่ผมดำเนินตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือไปชักชวนชี้นำและทำการสาธิตวิธีการทำปุ๋ยน้ำอินทรีย์ชีวภาพให้กับชาวบ้าน ให้กลุ่มเกษตรกร นำไปใช้ในแปลงการเกษตรทุกประเภทโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด จัดหาอุปกรณ์และหัวเชื้อปุ๋ยมาให้แล้วฝึกให้ทำเอง ยกให้ใช้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย และเมื่อนำไปใช้แล้วหลายแห่ง ต่างแสดงความชื่นชม ความพึงพอใจกลับมา ซึ่งตรงนี้เองทำให้มีกำลังใจมากขึ้นมา และจะเดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อไปอย่างทุ่มเทสุดชีวิต โดยประกาศให้อำเภอหนองบัวแดง กับภักดีชุมพล เป็นพื้นที่นำร่องก่อนจะขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัดชัยภูมิ"  เขากล่าวด้วยความมั่นใจ 

                สำหรับปุ๋ยน้ำดังกล่าวเขากล่าวว่าได้รับความอนุเคราะห์จากอาจารย์ ยาดา ธะนะเศรษฐี นักคีตะชื่อดังซึ่งใชัเวลานานถึง 7ปีทำการวิเคราะห์วิจัย ประมวลผลจนได้สูตรออกมาโดยจุดเด่นของสูตรนี้จะมีสารตั้งต้นที่เป็นแบคทีเรียจากนำพุร้อน คือสามารถทนต่อความร้อนไม่ตายง่ายแม้นำไปต้ม เมื่อถูกไปใช้กับแปลงปลูกพืชจะทำให้ดินร่วนซุยรากพืชสามารถไชชอนไปกินอาหารได้เร็วขึ้นทำให้เกิดความเจริญเติบโตไปทัังระบบ ไม่ว่าจะเป็นลำต้น ดอก ผล ใบ กิ่ง ก้านและอื่นๆเรียก ได้ว่าสารพัดประโยชน์ สารต้นมีความมหัศจรรย์นี้นำวัตถุดิบหาได้ง่ายเช่นรำข้าว  น้ำตาลมะพร้าว ข้าวสุก กรดอะมิโน ผงชูรส มาหมักกับสารตัวเร่งขยายเชื้อแบคทีเรีย และอื่นๆซึ่งขณะนี้ได้มีการผลิตขึ้นมาแล้วรวม5สูตรในจำนวนนี้มีสูตรที่ให้คุณภาพเทียบเท่ากับสูตรปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่าโดยภารกิจสำคัญนี้ดำเนินการภายใต้กลุ่มพัฒนาชัยภูมิ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานอกจากได้ลงพื้นที่หลายแห่งของอำเภอหนองบัวแเดงกับอำเภอภักดีชุมพล และหลายพื้นที่เป้าหมายหลักแล้ว เช่นกลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านโหล่นภายใต้การนำของนางวิจิตร ขวัญหลาย  กลุ่มแปลงใหญ่มะม่วงหมู่13 ภายใต้การนำของนายพิภพ ฉิมวงษ์ หจก วิสาหกิจชุมชนสัมโอทองดีแปลงใหญ่บ้านแท่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสัมโอที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดชัยภูมิ ภารกิจส่วนใหญ่ไปทำการสาธิตการทำปู๋ยอินทรีย์ชีวภาพให้สมาชิกและให้ทราบถึงคุณภาพ ตลอดจนราคาที่ถูกกว่าปุ๋ยเคมีหรือวัตถุเคมีหลายเท่าตัว ในแต่ละกลุ่มอาสาจะหาตลาดส่งออกต่างประเทศให้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งการจัดทำแปลงสาธิตผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ การผลักดันเครื่องหมายฮาลาลเป็นต้น

                นอกจากนี้ยังได้เข้าชมแปลงปลูกมะเขือกรอบของ นางสำลี บุญพันธุ์ ตั้งอยู่บ้านเลขที่85หมู่9บ้านซับภูทองตำบลแหลมทอง อำเภอภักดีชุมพล ที่ได้รับการสนับสนุนนำปุ๋ยน้ำอินทรีย์ไปใช้ในแปลงมะเขือกรอบเนื้อที่5ไร่ซึ่งเมื่อก่อนประสบกับปัญหาผลผลิตไม่ได้ตามเป้าหมาย ต้นและใบกรอบยืนต้นตายและมีแมลงรบกวนตลอดเวลาสร้างปัญหามาอย่างยาวนานและขาดทุนมาตลอดแต่หลังจากนำปุ๋ยน้ำอืนทรีย์ชีวภาพไปใช้ไม่นานสิ่งอัศจรรย์บันดาลให้เห็นทันทีกล่าวคือต้นใบที่แห้งกรอบแทบยืนตายกลับมีความเขียวชะอุ่ม ผินดินกลับมาร่วนซุย แมลงที่เห็นในแปลงแทบจะไม่มีให้เห็น แต่สิ่งสำคัญอย่างมาก ผลที่เคยบางลีบในแต่ละต้นกลับมาโตขึ้นและมีจำนวนมากขึ้นและในการเก็บผลผลิตแต่ละรอบ ได้ผลผลิตเพียง400กิโลกรัม หลังจากใช้ครั้งแรก ผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกรอบ 800กิโลกรัม และครั้งล่าสุดสามารถเก็บผลผลิตได้1400กิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณมากที่สุดนับตั้งเริ่มปลูกเมื่อ5ปีที่ผ่าน และเมื่อคำนวณราคาจำหน่ายจากกิโลกรัมละ13บาทคูณด้วย1400จะทำให้มีรายที่งดงาม เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตจำนวน 400 กิโลกรัมที่เคยได้รับมาอย่างยาวนาน 

             นั่นย่อมแสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่าแค่พลิกฝ่ามือ พลิกผืนดินอันป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ แล้วหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ เดินเคียงคู่ไปกับกลุ่มพัฒนาชัยภูมิ โดยที่ไม่ลืมบุญคุณของอาจารย์ ยาดา ธะนะเศรษฐี ก็เพียงพอแล้ว ถึงเวลาหรือยังที่ชาวชัยภูมิและชาวไทยทั้งชาติหันมาใช้ปุ๋ยอืนทรีย์ในต้นทุนที่ถูกกว่าลดปัญหาปุ๋ยแพงทั้งแผ่นดืน

            และต้องเร่งช่วยกันในชาตินี้ไม่ต้องถึงชาติหน้าตามปรัชญาของนายสุรพัฒน์ หมื่นศรีรัชต์ ปราชญ์ชาวดินที่มีเท้าติดดิน กินอยู่กับชาวบ้าน ใช้จักรยานเป็นพาหนะ เหมือนสมัยวัยเด็ก.

You may also like

TQM ร่วมกับ MSIG ส่งความสุขท้ายปี มอบฟรี “ประกันภัยรถยนต์ตามคน” ขับคันไหนก็คุ้มครอง

TQM ร่วม