จีนตอกย้ำจุดยืน “เลือกข้างสันติภาพ” ในวิกฤตยูเครน

จีนตอกย้ำจุดยืน “เลือกข้างสันติภาพ” ในวิกฤตยูเครน

จีนตอกย้ำจุดยืน “เลือกข้างสันติภาพ” ในวิกฤตยูเครน

     ความมั่นคงแน่วแน่ของจีนในการเลือกข้างสันติภาพในวิกฤตยูเครนได้รับการพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง

ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้กล่าวว่า การหารือและการเจรจาเป็น “ทางออกเดียวที่เป็นไปได้” สำหรับวิกฤตยูเครน และไม่มีใครเป็นผู้ชนะหากเกิดสงครามนิวเคลียร์

ในโอกาสนี้ นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะส่งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลจีนด้านกิจการยูเรเชียไปเยือนยูเครนและประเทศอื่น ๆ เพื่อสื่อสารเชิงลึกกับทุกฝ่ายเกี่ยวกับการยุติวิกฤตทางการเมืองครั้งนี้

จุดยืนหลักของจีนคือสันติภาพ

ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ ประธานาธิบดีจีนได้เน้นย้ำว่า ในวิกฤตยูเครนนั้น จุดยืนหลักของจีนคือการส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ

นอกจากนี้ ผู้นำจีนย้ำว่าจีนไม่ได้สร้างวิกฤต และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในวิกฤต

อย่างไรก็ดี เขาให้คำมั่นสัญญาว่า “ในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และในฐานะประเทศใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ จีนจะไม่นิ่งเฉย ไม่เติมน้ำมันลงในกองไฟ และไม่ฉวยโอกาสหาประโยชน์ให้ตนเอง”

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบรอบหนึ่งปีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ทางจีนได้เผยแพร่เอกสาร 12 ข้อซึ่งระบุจุดยืนของจีนในการยุติวิกฤตทางการเมืองในยูเครน

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ได้กล่าวถึงประเด็นนิวเคลียร์ด้วย โดยระบุว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องอยู่ในความสงบและอดทนอดกลั้น รวมทั้งทำสิ่งต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ในอนาคตของตนเองและของมนุษยชาติ และร่วมแรงร่วมใจกันจัดการกับวิกฤตที่เกิดขึ้น

เขากล่าวเสริมว่า ตอนนี้มีแนวคิดและความคิดเห็นที่มีเหตุผลมากขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือต้องรีบคว้าโอกาสและสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการยุติวิกฤตทางการเมืองในยูเครนโดยเร็วที่สุด

เขาแสดงความหวังว่าทุกฝ่ายจะไตร่ตรองอย่างจริงจังเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน และร่วมกันแสวงหาวิธีที่จะนำสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนมาสู่ยุโรปผ่านการเจรจา

พร้อมกันนี้ เขาให้คำมั่นว่าจีนจะยังคงส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ ตลอดจนใช้ความพยายามเพื่อให้มีการหยุดยิงและฟื้นฟูสันติภาพโดยเร็ว

ส่วนทางด้านประธานาธิบดีเซเลนสกีได้แสดงความขอบคุณจีนที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน และยินดีกับบทบาทสำคัญของจีนในการฟื้นฟูสันติภาพและแสวงหาทางออกทางการทูตสำหรับวิกฤตในครั้งนี้

นอกจากนี้ เขายังชื่นชมจีนที่ยึดมั่นในวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติว่าด้วยกิจการระหว่างประเทศ และมีอิทธิพลอย่างมากในเวทีโลก

นายหวัง อี้เว่ย (Wang Yiwei) ผู้อำนวยการสถาบันวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีน กล่าวถึงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองว่าเป็นสิ่งที่ “รอคอยมานาน” และ “ได้รับการคาดหวังอย่างสูง”

“ทุกฝ่ายต่างเฝ้ารอการสนทนากันในครั้งนี้” นายหวังกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีจีทีเอ็น (CGTN) “สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของจีนในฐานะประเทศใหญ่”

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนเปิดเผยว่า นายหลี่ ฮุย (Li Hui) เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซียระหว่างปี 2552-2562 จะรับหน้าที่เป็นผู้แทนพิเศษของจีน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้รับทราบถึงความพร้อมของจีนในการผลักดันกระบวนการเจรจาให้เกิดขึ้น

นายหวังกล่าวว่า “การส่งผู้แทนพิเศษไปยังยูเครนนั้น ถือว่าจีนกำลังดำเนินการเพิ่มเติมตามที่ระบุในเอกสารแสดงจุดยืนด้วยการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม” และประชาคมระหว่างประเทศจะตั้งตารอดูบทบาทของจีนที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น

จีนและยูเครนคือหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ในระหว่างการสนทนาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผู้นำจีนกล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-ยูเครนได้ก้าวสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ หลังผ่านการพัฒนามานาน 31 ปี นับเป็นการส่งเสริมการพัฒนาและการฟื้นฟูทั้งสองประเทศไปอีกขั้น

ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า การเคารพในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนซึ่งกันและกัน ถือเป็นรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ยูเครน

“ทั้งสองฝ่ายต้องมองไปยังอนาคต จัดการกับความสัมพันธ์ทวิภาคีจากมุมมองระยะยาว สืบสานธรรมเนียมการเคารพซึ่งกันและกันและความจริงใจ และนำพาความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จีน-ยูเครนให้ก้าวหน้าต่อไป” นายสี จิ้นผิง กล่าว

เขากล่าวเสริมว่า ไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนจะยังคงทำงานร่วมกับยูเครนเพื่อพัฒนาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป

ส่วนทางด้านประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่า ยูเครนยึดมั่นในนโยบายจีนเดียว และหวังว่าจะได้พัฒนาความร่วมมือทวิภาคีรอบด้านกับจีนต่อไป

นอกจากนี้ เขายังแสดงความหวังที่จะเปิดบทใหม่ของความสัมพันธ์ยูเครน-จีน ตลอดจนร่วมกันปกป้องสันติภาพและความมั่นคงของโลก

ทั้งนี้ หลังการสนทนาทางโทรศัพท์สิ้นสุดลง นายเซเลนสกีได้ประกาศแต่งตั้งนายพาฟโล เรียบิคิน (Pavlo Ryabikin) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศจีนคนใหม่

You may also like

รัฐบาลไทยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม บริจาค 3 ล้านบาทแก่องค์การสหประชาชาติ เพื่อสนับสนุนผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่น

รัฐบาลไท