บรรทัดฐาน "ประวัติศาสตร์" การเมืองไทยมีอีกหลายเรื่อง??
นายจักรยาน
การเมืองของไทยก่อนวันสงกรานต์ปี 2565 ที่ได้เคลื่อนไหวเรื่องยุ่ง ๆ อีรุงตุงนันตลอดเวลา 24 ชั่วโมงนั้น
ได้เกิดบรรทัดฐานที่เป็น "ประวัติศาสตร์" ของการเมืองไทยเป็นครั้งแรกจากผลพวงของรัฐธรรมนูญปี 2560
อันเนื่องมาจากการที่ศาลฏีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพิากษา "ปารีณา ไกรคุปต์" ได้หลุดจากเก้าอี้ ส.ส.ราชบุรี ในคดีบุกรุกที่ สปก.ที่พ่อให้มาในข้อหาผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ ส.ส.
คำพิพิพากษาในคดีดังกล่าวได้ตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และตัดสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต รวมถึงไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ไม่ว่าระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น
ซึ่งเปรียบเสมือน "ประหารชีวิต" ทางการเมืองของ "ปารีณา ไกรคุปต์" ที่ไม่สามารถเข้ามายุ่มย่ามกับการเมืองแบบไทย ๆ ได้จนสิ้นลมหายใจในอนาคต
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ชื่นชม "ปารีณา ไกรคุปต์" แน่กว่าผู้ชายอกสามศอก น้่อมรับคำพิพากษาแต่โดยดี ไม่เอะอะโวยวาย 2 มาตราฐานดั่งที่ ส.ส.บางส่วนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลชอบออกมาพูดเสมอ ๆ
ชะตากรรรมของ "ปารีณา ไกรคุปต์" ที่ถูก "ประหารชีวิต"ทางการเมือง มีหลายฝ่ายเห็นใจและให้กำลังใจ ไม่มีใครซ้ำเติมด้วยวาทะกรรมทางการเมืองของผู้ที่ไม่ชอบหน้า
คดี "ประวัติศาสตร์" การเมืองที่่ต้องจารึกไว้ให้ได้จดจำกันไปตลอดกาลเวลานี้ ก็ไม่มี "ฝ่ายค้าน" คนใดออกมาวิพากษ์วิจารณ์แขวะกระแนะกระแหนขบวนการยุติธรรมให้ประชาชนสับสน
เพราะ ส.ส.ฝ่ายค้าน หลายคนก็เจอคดีรุกป่า ก็เลยหวั่นวิตกว่าอาจถูก "ประหารชีวิต" ทางการเมืองเหมือน "ปารีณา ไกรคุปต์"
จึงขอสงบปากเงียบไว้ดีกว่า??
เพราะฉะนั้น เรา ๆ ท่าน ๆ จะต้องติดตามกันว่า จะมี ส.ส.คนใดทั้งฝ่ายรัฐและค้านร่วมกันสร้าง "ประวัติศาสตร์" โดน "ประหารชีวิต" จากคดีบุกรุปป่าด้วยข้อหาผิดจริยาธรรรมอย่างร้ายแรงเช่นกัน
ด้วยเหตุฉะนี้ "จริยธรรม" จึงเป็นสิ่งสำคัญของ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายพึงระลึกถึงให้ดี ๆ ที่ไม่ควรตั้งมั่นด้วยความประมาทเทอญ
ว่ามาว่า "จริยธรรม" เป็นยันต์กันโกงที่ดีที่สุด เพราะจะส่งผลให้การเมืองไทยในอนาคตกาลข้างหน้ามีความโปร่งใส ไม่มีโกง คอร์รัปชั่น หรือบุกรุกป่า และที่ สปก.มาเป็นที่ของตนเอง!!
แม้ว่าโทษของท่านผู้ทรงเกียรติ ส.ส. ที่ประพฤติต้วไม่ดีใหญ่คับบ้านคับเมือง จะโดนพิพิพากษาอัตราโทษสูงสุด แต่ก็เชื่อกัน่ว่า เรื่องโกง ทุจรีตคอร์รัปชั่น บุกรุกป่า จะไม่สูญพันธุ์หายไปไหน
ยังไง ๆ ก็คงปรากฏมีให้เห็นอีก เนื่องจากสันดานโกงของนักการเมืองบางคนนั้น ก็จะหาลู่ทางใช้วิชาพลิกแพลงให้ดูแล้วไม่เหมือนโกง แต่ความจริงคือโกงนั่่นแหละท่านที่เคารพ
อ๊ะ อ๊ะ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ต้องการสร้าง "ประวัติศาสตร์"ทางการเมืองบให้บันทึกไว้ตั้งแต่หลังสงกรานต์ปีใหม่ไทยไปจนถึงวันขึ้นปีใหม่สากล 2566
ประวัติศาสตร์ทางการเมืองของ "ลุงตู่" ก็อย่างที่รู้ ๆ ว่า ขอเวลาเป็น "นายกรัฐมนตรี" เพื่อที่จะนั่งอยู่ในเก้าอี้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ให้วงการเมืองได้จดจำ!!
ใกล้ ๆ ปลายเดือนสิงหาคม 2565 "ลุงตู่" จะน๋งเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" ครบ 8 ปี!!
แต่ "ฝ่ายค้าน" ไม่ยอมให้ "ลุงตู่" สร้างประวัติศาสตร์ เตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูยตีความคำว่า 8 ปีที่ลากยาวมา จาก คสช. มาจนถึงยุคสัปปะยะสภาสถานริมฝังเจ้าพระยาตรงเกียกกาย!!
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า 8 ปีของการาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี "ลุงตู่" รวมถึงระยะเวลา 5 ปีของยุคคุณสมชาย (คสช.) ด้วย ก็ต้องกระเด็นกระดอนจากเก้าอี้
แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ยุค คสช. กับบุคสัปปายะสภาสถาน คนละยุคไม่เกี่ยวกัน "ลุงตู่" ก็นั่้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรต่อไปได้อีกจนถึงสภาผู้แทนฯ ยุคสัปปายะสภาสถานครบเทอม 4 ปีในเดือนมีนาคม 2566
ประวัติศาสตร์การเมืองก็ต้องจารึกไว้ว่า"ลุงตู่" อดทนโดนด่านั้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีครึ่งหรือเฉียด ๆ 9 ปี
เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้ากว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศก็ประมาณเดือนพฤษภาคม 2566 หลังเลือกตั้งเสร็จกว่าจะวุ่นวายกันฝุ่นตลบทางการเมืองในการฟอร์มรัฐบาลใหม่ของพรรคการเมืองไหนเป็นแกนนำ
และกว่าเลือก "นายกรัฐมนตรี" ในสภาผู้แทน ฯ ก็ประมาณปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นเดือนกรกฎาคม 2566
ดังน้้น "ประวัติศาสตร์" คงต้องบันทึกไว้ว่า "ลุงตู่" ครองเก้าอี้ "นายกรัฐมนนตรีนานกว่า"ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม คิณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทยที่อยู่ตำแหน่ง 8 ปี 5 เดือน โดยได้รับการเลือกจากสภาผู้แทน ฯ สมัยนั้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2523 จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2531 ที่ "ป๋าเปรม" บอกว่า "พอแล้ว"!!
ณ วันนี่้ยังไมรู้ส่วนลึกในใจทางการเมืองของ "ลุงตู่" จะ "พอแล้ว" กับการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะยังอ้ำ ๆ อึ้ม ๆ แบ่งรับแบ่งสู้ในการขอเป็น"นายกรัฐมตรี" ต่ออีกสมัยจากการเลือกตั้งคร้้งหน้า
ไม่ว่า "ลุงตู่" จะได้เป็๋น "นายกรัฐมนตรี" ต่อไปหรือ "แห้ว" ??
ก็ย่อมถือว่าเป็นการสร้าง "ประวัติศาสตร์" การเมืองไทยอีกเรื่องหนึ่งที่จะมีพ่อแม่พี่น้องร่วมไชโยหัวเราะกับ "ลุงตู่" หรือเยาะเย้ยที่ไม่สมหวัง!!
โชคดีนะ "ลุง"!!
Social Links