ผลการวิจัย MIT ชี้ชัด
AI จะมาทำงานแทนคนจำนวนมาก
สุทธิชัย ทักษนันต์
งานวิจัย Project Iceberg จัดทำในช่วงกลางปี 2025 โดย
-MIT มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลกด้านเทคโนโลยี
-ORNL ศูนย์วิจัยด้านซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ
-Utah Office of AI Policy หน่วยงานดูแลการออกแบบนโยบาย AI
-North Carolina General Assembly/Future Caucus หน่วยงานระดับรัฐที่กำลังผลักดันนโยบายด้าน AI workforce
ผลสรุปที่ได้จากการวิจัย คือ
1) การใช้ AI วันนี้ (แค่ 2.2%) เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง”
2) งานธุรการ–บัญชี–การเงิน–เอกสารคือจุดเสี่ยงใหญ่ (11.7%)
3) ผลกระทบไม่ได้อยู่ที่เมืองเทค แต่กระจายทั่วประเทศ
4) รัฐอุตสาหกรรมเสี่ยงเจอ “เซอร์ไพรส์” มากที่สุด
5) ตัวเลขดั้งเดิมอย่าง GDP/ว่างงาน อธิบายผลกระทบ AI ไม่ได้
6) ต้องใช้ดัชนีใหม่ (Iceberg Index) เพื่อวางแผนแรงงานล่วงหน้า
7) งานที่ AI ทำได้ คือ งานซ้ำ ๆ, งานสร้างเอกสาร, งานประมวลข้อมูล, งานวิเคราะห์ขั้นต้น, งานสรุปผล, งานที่ใช้ rule-based, งานที่ต้องใช้การอ่าน-เขียนจำนวนมาก
8) งานที่มนุษย์ยังมีความสำคัญ คือ การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์, เจรจาต่อรอง, งานที่ต้องใช้ความเข้าใจมนุษย์ (empathy), ความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องมีบริบทจริง, ความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์, งานควบคุม/ตรวจสอบคุณภาพ AI
หากนำความสามารถของ AI ที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้จริงในทุกอาชีพทั่วสหรัฐอเมริกา AI สามารถทำงานแทนทักษะมนุษย์ที่มีมูลค่าคิดเป็นค่าจ้างรวม 11.7% ของตลาดแรงงานสหรัฐอเมริกา คิดเป็นเงินประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
ถ้ามันเกิดขึ้นกับสหรัฐฯได้ มันก็สามารถเกิดขึ้นกับทุกประเทศบนโลก
เทคโนโลยี AI ยังมีศักยภาพที่จะก้าวล้ำขึ้นอีกมาก ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างชัดเจนให้เห็นทุกวัน
การคาดการณ์ว่าในอนาคต AI จะทำงานแทนมนุษย์ได้ทุกเรื่องแบบ 100% ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยความจริง!!!!
THAI
Social Links