“รมช.มนพร”รณรงค์ให้เอกชนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  สร้างอากาศที่ดีต่อมนุษยชาติ

“รมช.มนพร”รณรงค์ให้เอกชนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  สร้างอากาศที่ดีต่อมนุษยชาติ

“รมช.มนพร”รณรงค์ให้เอกชนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

สร้างอากาศที่ดีต่อมนุษยชาติ

     ดร.มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวแสดงความยินดี ในพิธีร่วมลงนามสัญญาระหว่างบริษัท แอลซีเอ็มที จำกัด และบริษัท แซด-พี-เอ็ม-ซี โคเรีย จำกัด เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับยกขนตู้สินค้าในท่าเรือหรืออาร์ทีจี จากเดิมที่ใช้พลังงานดีเซลเป็นพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ในวันนี้ตามที่รัฐบาลไทย โดยการนำของท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของประเทศไทยในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2030 ของสหประชาชาติ ณ วันประชุมระดับผู้นำ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประเทศไทยได้ประกาศความเจตนารมณ์จะผลักดันความร่วมมือกับหุ้นส่วนทุกระดับ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงบริการพลังงานสมัยใหม่และใช้นวัตกรรมอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการขนส่งของประเทศไทย โดยการสนับสนุนและให้ความสำคัญในการผลักดันให้ภาคเอกชนที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคมดำเนินธุรกิจโดยใช้นวัตกรรมอันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน  การที่บริษัท แอลซีเอ็มที จำกัด ผู้ประกอบการภาคเอกชน ซึ่งได้รับสัมปทานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการประกอบธุรกิจท่าเทียบเรือเดินทะเลระหว่างประเทศได้ริเริ่มที่จะนำนวัตกรรมปรับเปลี่ยนเครื่องมือเครื่องจักรที่ให้บริการในท่าเรือมาใช้พลังงานสะอาดแทนที่พลังงานจากฟอสซิล  เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยสู่อากาศ   ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย

กระทรวงคมนาคมขอแสดงความชื่นชมที่บริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัดในฐานะภาคเอกชนที่เป็นผู้นำที่ดำเนินธุรกิจท่าเรืออย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ โดยได้ลงทุนกว่า 145 ล้านบาทในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรสิ่งซึ่งสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1.5 ล้านกิโลซีโอทูต่อปีอันถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนรายอื่น ๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนและการดำเนินธุรกิจขนส่งทางน้ำอย่างยั่งยืน   ตามพิธีลงนามสัญญาเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับยกขนตู้สินค้าในท่าเรือ (RTG) จากพลังงานดีเซลเป็นพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ณ บริษัท แอลซีเอ็มที จำกัด, ท่าเทียบเรือ เอ 0, ท่าเรือแหลมฉบัง  จังหวัดชลบุรี

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด