“รมต.สันติ” ลุยเอาผิด ร้านค้าโกงคนละครึ่งพลัส หลังยอดร้องเรียน สคบ. พุ่ง 66 เคสทั่วไทย!

“รมต.สันติ” ลุยเอาผิด ร้านค้าโกงคนละครึ่งพลัส หลังยอดร้องเรียน สคบ. พุ่ง 66 เคสทั่วไทย!

“รมต.สันติ” ลุยเอาผิด

ร้านค้าโกงคนละครึ่งพลัส

หลังยอดร้องเรียน สคบ. พุ่ง 66 เคสทั่วไทย!

 นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินหน้าจัดการร้านค้าฝ่าฝืนโครงการ“คนละครึ่งพลัส” อย่างเฉียบขาด หลังยอดร้องเรียนผ่าน สคบ. พุ่งถึง 66 เรื่องทั่วประเทศในช่วง14 วันแรกของโครงการ ย้ำประชาชนต้องไม่ถูกเอาเปรียบโดยเด็ดขาด

ณ ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลจากการรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ“คนละครึ่งพลัส” โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พบว่ามีร้านค้าบางแห่งใช้สิทธิผิดเงื่อนไขในโครงการ เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของมาตรการรัฐที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง โดย สคบ. ได้ประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง, กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ให้ดำเนินการทางกฎหมายกับร้านค้าที่ทำผิดเงื่อนไขของโครงการเพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภคไม่ให้ถูกเอาเปรียบ

จากการรวบรวมข้อมูลเรื่องร้องเรียนผ่าน 10 คู่สาย สคบ. ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 พบการร้องเรียนรวม 66 เรื่อง โดยประเด็นที่ได้รับการร้องเรียน อันดับหนึ่ง คือ ร้านค้าปรับขึ้นราคาสินค้าหลังจากเข้าร่วมโครงการจำนวน 29 เรื่อง รองลงมาคือ ร้านค้าเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากราคาสินค้าจำนวน 6 เรื่อง, ร้านค้าติดป้ายหรือแจ้งว่าเข้าร่วมโครงการแต่เมื่อผู้บริโภคสแกน QR Code เพื่อชำระเงินกลับพบว่าไม่ได้เข้าร่วมโครงการจำนวน 5 เรื่อง, ร้านค้าคิดค่าธรรมเนียมจากการชำระเงิน

ผ่านโครงการจำนวน 5 เรื่อง และร้านค้าจำหน่ายสินค้าต้องห้าม เช่น บุหรี่ สุรา เบียร์ จำนวน 4 เรื่อง

ปัญหาทั้งหมดนี้สะท้อนถึงปัญหาความไม่โปร่งใสของร้านค้าบางส่วนที่เข้าร่วมโครงการ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้สิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ

นายสันติ กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่พุ่งถึง 66 เรื่องทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลเชิงรุกและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมาตรการรัฐในระยะยาว

ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน เพื่อดูแลร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการให้ดำเนินการอย่างถูกต้อง โปร่งใส และไม่เอาเปรียบประชาชน โดย สคบ. จะช่วยดูแลเรื่องสิทธิของประชาชนในการใช้จ่าย ให้ความรู้เพื่อไม่ให้ถูกหลอก รวมถึงให้คำแนะนำกับร้านค้าให้ทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่โก่งราคา ไม่โฆษณาเกินจริง หรือให้บริการไม่เป็นไปตามที่ระบุ

อย่างไรก็ตาม หากพบการเอาเปรียบหรือฝ่าฝืนเงื่อนไข จะมีการตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยจากการถูกโกง พร้อมทั้งได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง สะท้อนแนวทางการทำงานที่ “รวดเร็ว – เป็นธรรม – เท่าเทียม – ทั่วถึง”

You may also like

EurewaX เปิดแพลตฟอร์มคลาวด์อัจฉริยะ “ชำระเงินข้ามพรมแดน” มุ่งเป้าโตในตลาดชำระเงินแบบดั้งเดิม

EurewaX