สคบ.แจ้งข่าว ผู้ประกอบการขายตรงและตลาดแบบตรง รายงานผลการประกอบธุรกิจตามกฎหมาย อย่าพลาด! อาจถูกเพิกถอนทะเบียน

สคบ.แจ้งข่าว ผู้ประกอบการขายตรงและตลาดแบบตรง รายงานผลการประกอบธุรกิจตามกฎหมาย อย่าพลาด! อาจถูกเพิกถอนทะเบียน

สคบ.แจ้งข่าว ผู้ประกอบการขายตรงและตลาดแบบตรง

รายงานผลการประกอบธุรกิจตามกฎหมาย

อย่าพลาด! อาจถูกเพิกถอนทะเบียน

 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงทุกแห่งทราบว่า กฎหมายกำหนดหน้าที่ให้ต้องส่งรายงานผลการประกอบธุรกิจประจำปี และจัดส่งงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ต่อสำนักงานฯ ภายใน 60 วันนับแต่สิ้นปีบัญชี ตามแบบ ขต.1/2 หรือ ขต.2/2 และอาจขอขยายระยะเวลาได้อีกไม่เกิน 30 วัน เพื่อให้การประกอบธุรกิจเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ หากผู้ประกอบธุรกิจไม่ส่งรายงานผลการประกอบธุรกิจและงบการเงินดังกล่าว สคบ. จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนี้

  1. นายทะเบียนจะมีหนังสือแจ้งให้แก้ไขหรือปรับปรุงภายให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด
  2. หากยังเพิกเฉย ไม่ดำเนินการตามหนังสือแจ้ง นายทะเบียนอาจพิจารณาเพิกถอนทะเบียน การประกอบธุรกิจได้
  3. หากถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว จะไม่สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงได้อีกเป็นเวลา 5 ปี

ทั้งนี้ สคบ. จะมีการส่ง SMS และอีเมลแจ้งเตือนถึงผู้ประกอบการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดทำและส่งรายงาน รวมถึงงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ผ่านระบบออนไลน์ OCPB Direct

ที่เว็บไซต์ https://ocpbdirect.ocpb.go.th/ หรือผ่าน email : directsale@ocpb.mail.go.th หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1166 หรือ Line: @OCPB Connect หรือเบอร์โทรศัพท์ : 091 838 3640

ที่ผ่านมา สคบ. ได้มีการส่งหนังสือถึงผู้ประกอบธุรกิจเพื่อแจ้งเตือนและให้โอกาสแก้ไขแล้ว รวมทั้งได้จัดสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการรายงานผลการประกอบธุรกิจ อันเป็นมาตรการการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจภายหลังการจดทะเบียน ซึ่งในการกำกับดูแลครั้งนี้ จึงถือเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขอย้ำว่า ผู้ประกอบธุรกิจทุกแห่งควรดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการส่งรายงานผลการประกอบธุรกิจประจำปีภายในกำหนดเวลา ทั้งนี้เพื่อยกระดับมาตรฐานธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรงให้มีความโปร่งใส อย่างยั่งยืน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค

You may also like

นักท่องเที่ยวจีนเฮเข้าเวียดนามมากกว่าไทย

นักท่องเ