“อลงกรณ์” ขานรับข้อเสนอภาคเอกชน
ชูธง”ก้าวใหม่ประเทศไทย ก้าวใหม่ประชาธิปัตย์”
เปิด 12 แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจและการพัฒนาสร้างศักยภาพใหม่ตอบโจทย์อนาคตประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์”สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคฯ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเห็น และข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ที่มีต่อความคาดหวังในนโยบายของพรรคการเมืองว่า พรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนรวมทั้งมุมมองวิสัยทัศน์ของภาคเอกชนล่าสุดเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตย การพัฒนาประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์บนหลักการ 3 ประการคือ อุดมการณ์ประชาธิปไตย นโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
“พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจในความคาดหวังของภาคเอกชนที่มีต่อนโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งในส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางนโยบายอย่างน้อย 12 ประการ เสมือนคานงัดในการสร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย สู่”ก้าวใหม่ ไทยแลนด์”โดยพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคเอกชน ได้แก่
- การพัฒนาการเมือง โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
- การขจัดคอร์รัปชั่น โดยการสร้างระบบธรรมาภิบาล
- การส่งเสริมการแข่งขันทางการ ค้าที่เสรี และเป็นธรรม ลดการ ผูกขาดทางเศรษฐกิจ และพลังงาน
- การปฏิรูประบบราชการ โดยลดอำนาจรัฐ ลดขนาดภาครัฐ มุ่งกระจายอำนาจและทรัพยากร สู่ท้องถิ่นและชุมชน(Community Empowerment) การเพิ่มบทบาทภาคเอกชนและ ชุมชนท้องถิ่นทางเศรษฐกิจ การพัฒนาเมือง และชนบท
- การปฏิรูปภาคเกษตรด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม การส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ การยกระดับเกษตรรายย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่ การพัฒนาระบบสหกรณ์ การส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตรและ เอสเอ็มอี.เกษตร การส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต และการทำตลาดเชิงรุก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
- การพัฒนาโลจิสติกส์ เชื่อมไทย-เชื่อมโลก การเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ
- การสร้างฐานการผลิต การแปรรูปการตลาด และกระจายการลงทุนสู่ทุกภูมิภาค ภายใต้ฐานใหม่ 18 กลุ่มจังหวัดโดยเฉพาะคลัสเตอร์อุตสาห กรรมเกษตร (Agroindustry)
- การสร้างคนและการ Reskill-Upskill ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่(12 S-Curves) การส่งเสริมMSMEและStartup ด้วยกองทุนเอสเอ็มอี.และการทำงานแบบสร้างสรรค์
- สร้างระบบธนาคาร และระบบการเงินของเศรษฐกิจฐานราก ด้วยธนาคารหมู่บ้าน ธนาคารชุมชน 80,000 หมู่บ้านและชุมชน 77 จังหวัด รวมทั้งส่งเสริมธนาคารเพื่อการลงทุนและเวนเจอร์แคปิตอล
- ขับเคลื่อนภาคการผลิต (RealSector) ภาคบริการภาคการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและซอล์ฟพาวเวอร์(Soft Power)
- การปฏิรูปการบริการภาครัฐ โดยปรับปรุง และยกเลิกกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรค และภาระทางการค้าธุรกิจและการบริการประชาชน
- ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าการลงทุนเสรี (FTA) และกลยุทธ์มินิ เอฟทีเอ.(Mini FTA)ที่มีอยู่เดิมและข้อตกลงใหม่ปูทางสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยในเวทีแข่งขันระหว่างประเทศพร้อมกับการใช้กองทุน เอฟทีเอ.รองรับผลกระทบทุกด้าน
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นโยบายเหล่านี้เป็นการสานงานต่อ ก่องานใหม่ อย่างต่อเนื่อง ของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น
การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม 77 จังหวัด และศูนย์ความเป็นเลิฟเฉพาะด้าน 23 ศูนย์เป็นโครงสร้างทางเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D)ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 เกิดเทคโนโลยีใหม่ 800 นวัตกรรมถ่ายทอดสู่เกษตรกรและฟาร์มเกษตร
การส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารใน 18 กลุ่มจังหวัดบนความร่วมมือกับสภาอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.)
การยกระดับเกษตรรายย่อยเป็น เกษตรแปลงใหญ่ 1 หมื่นกลุ่ม การพัฒนาอาหารแห่งอนาคต เช่น โปรตีนจากพืช จากแมลง มีกว่า 1 แสนฟาร์ม
การขับเคลื่อนนโยบายดิจิตอล ทรานสฟอร์เมชั่น(DigitalTransformation) ปฏิรูปกระทรวงเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน และการบริการประชาชนจากอนาล็อค เป็นดิจิตอล การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลบิ๊กดาต้า เกษตรแห่งชาติ (National BigData Center:NABC) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
การพัฒนาโลจิสติกส์ด้วยรถไฟ จีน-ลาว เปิดบริการขนส่งสินค้าได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2565
การปฏิรูประบบบริหารจัดการ ผลไม้ จนส่งออกทุเรียนผลสด สร้างรายได้ทะลุ 1 แสนล้าน เป็นครั้งแรกในปี 2564
การประกันรายได้เกษตรกรพืชเศรษฐกิจหลัก ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน
การทำเงินให้ประเทศจากการส่งออกเกือบ 10 ล้านล้านบาท ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารอันดับ 13 ของโลก ในปีที่ผ่านมา
ทั้งหมด คือ ตัวอย่างส่วนหนึ่งของงานที่ ทำได้ไว ทำได้จริง ในช่วง4 ปีที่ผ่านมา
“เรายังต้องเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และนโยบายใหม่ๆ รวมทั้งการปฏิรูประบบเศรษฐกิจดั้งเดิม พร้อมกับสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่เป็นเครื่องยนต์แห่งการเติบโตใหม่ (New Growth Engine) ที่ตอบโจทย์อนาคตประเทศไทย ได้แก่
- เศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่(12 S-Curves)
- เศรษฐกิจสีเขียว(Green Economy)โมเดล BCG
- เศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy)
- เศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)
- เศรษฐกิจสูงวัย(Silver Economy)
- เศรษฐกิจเพื่อสังคม(Social Economy)
- เศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy)
เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลดโลกร้อนระบบเศรษฐกิจใหม่เหล่านี้เป็นเครื่องยนต์แห่งการเติบโตใหม่(New Growth Engines) โดยมีอย่างน้อย 12 คานงัด เป็นกลไกการพัฒนาใหม่ๆ จะทำให้นโยบาย และแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ “ยุคอุดมการณ์-ทันสมัย”สามารถทำให้ประเทศไทย ก้าวสู่ประเทศไทยรายได้สูง แก้ปัญหาหนี้สินความยากจน และพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาปัจจุบัน และความท้าทายใหม่ในอนาคต เพื่อสร้างรายได้ใหม่ให้คนไทย และสร้างศักยภาพใหม่ให้ประเทศไทย ทั้งวันนี้ และวันหน้า” นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด.
Social Links