อานิสงส์สงครามการค้า หนุนส่งออกไทยเดือน ต.ค.โตพุ่ง  14.6%

  การส่งออกไทยในเดือน ต.ค. 2024 ขยายตัวถึง 14.6%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ 5.1%YoY โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากความไม่แน่นอนของประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังไม่ทราบผล ซึ่งส่งผลให้การส่งออกทองคำขยายตัวสูง 169.3%YoY หนุนจากปัจจัยด้านราคาและปริมาณ รวมถึงการทยอยเร่งนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ ช่วงขาขึ้นของวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ช่วยหนุนการส่งออก ฮาร์ดดิสไดร์ฟ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ขณะที่การส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือน 2 ที่ -16.8% YoY โดยหดตัวในตลาดหลักอย่างออสเตรเลียและตะวันออกกลาง ท่ามกลางความขัดแย้งในภูมิภาคดังกล่าว รวมถึงการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับลงตามราคาและความต้องการสินค้าที่ลดลงจากปี 2023 (รูปที่ 1)

รูปที่ 1 การส่งออกไทยในเดือนต.ค. 2024 มีปัจจัยหนุนมาจากการส่งออกทองคำเป็นสำคัญ

การส่งออกไทยในปี 2024 มีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียง 4.5% ซึ่งสูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าที่ 3.2% เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2024 แม้ว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2024 จะมีปัจจัยฤดูกาล ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการสินค้าลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ตลาดต่างๆ ได้เร่งนำเข้าสินค้าเพื่อให้ทันช่วงเทศกาลปลายปี แต่การส่งออกไทยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และประเด็นความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่คาดว่าจะยังหนุนการส่งออกทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และอาจเห็นการเร่งนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจนถึงปี 2025 ก่อนนโยบายจะมีผลบังคับใช้จริง

สำหรับปี 2025 แนวโน้มการส่งออกไทยมีทิศทางเติบโตชะลอลงจากปีนี้ จากความเสี่ยงสงครามการค้ารอบใหม่ ทั้งนี้ ผลกระทบต่อการค้าโลกและการส่งออกไทยขึ้นอยู่กับรูปแบบและช่วงเวลาการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยไทยมีความเสี่ยงอาจถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าก่อนหรือในอัตราที่สูงกว่าตลาดคู่ค้าอื่นๆ เนื่องจากสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับไทยสูงสุดเป็นอันดับที่ 12 ในปี 2023 ซึ่งหากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทยในกลุ่มที่พึ่งพิงการส่งออกตลาดสหรัฐฯ สูงคาดว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องแต่งกาย สินค้าอิเล็กทรอนิกส์  (รูปที่ 2)

รูปที่ 2 สินค้าที่ไทยมีการพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ สูง มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้า