เงินบาทอ่อนค่าทะลุแนว 37 บาทต่อดอลลาร์-หุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน

เงินบาทอ่อนค่าทะลุแนว 37 บาทต่อดอลลาร์-หุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน

เงินบาทอ่อนค่าทะลุแนว 37 บาทต่อดอลลาร์-หุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน

                                …………………………………………………

•           เงินบาทอ่อนค่าทะลุแนว 37.00 แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามเงินหยวนที่อ่อนค่า และกระแสการคาดการณ์การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

•           SET Index ร่วงลงเกือบตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และทิศทางเศรษฐกิจโลก

                                ………………………………………………..

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

                เงินบาทอ่อนค่าทะลุแนว 37.00 ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันในช่วงก่อนการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีเงินบาทลดช่วงบวกทั้งหมดลงและพลิกอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์ หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI และ Core CPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งหนุนแนวโน้มการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (แม้เสียงส่วนใหญ่จะมองว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ย 75 basis points แต่ตลาดบางส่วนเริ่มมองความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะขึ้นมากกว่านั้นในการประชุม 20-21 ก.ย. นี้)                   

                นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินหยวน (หลุดระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ฯ แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 ปี) และการร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลกก็กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเพิ่มเติมช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน อนึ่ง ธปท. ระบุว่า ยังคงติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมเข้าดูแลหากเงินบาทผันผวนมากผิดปกติ

                ในวันศุกร์ที่ 16 ก.ย. 2565 เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 36.96 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 36.31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 ก.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 12-16 ก.ย. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 4,998 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflow เข้าตลาดพันธบัตรประมาณ 861 ล้านบาท (แม้ซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 3,141 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 2,280 ล้านบาท)

                ขณะที่ในสัปดาห์นี้(19-23 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 36.50-37.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน Dot Plots และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของเฟด ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค. ของไทย รวมถึงกระแสเงินทุนต่างชาติและทิศทางค่าเงินหยวน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์  นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของ BOJ และ BOE การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

                ตลาดหุ้นไทยร่วงลงเกือบตลอดสัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index ขยับขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ และแรงแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. ล่าสุดของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังธนาคารโลกเตือนว่าเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับภาวะถดถอยในปี 2566 นอกจากนี้ หุ้นไทยยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของดัชนี FTSE ซึ่งมีผลในวันที่ 16 ก.ย. นี้      

         

                ในวันศุกร์ (16 ก.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,630.40 จุด ลดลง 1.46% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 74,222.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.10% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.28% มาปิดที่ 675.52 จุด    

                สำหรับสัปดาห์นี้(19-23 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,655 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (20-21 ก.ย.) รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. ดัชนี PMI เดือนก.ย. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์  ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BoE และ BoJ ดัชนี PMI เดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนก.ย. ของจีน

You may also like

“กล้วย” จากพืชบ้านๆ สู่เส้นทางความสำเร็จ กับความมุ่งมั่นแบบ ทน พร้อม ลุย / “นิสสัน”นำเสนอเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จ

“ก