เงินบาทแข็งค่า หุ้นไทยขยับ แต่ยังปิดต่ำกว่าแนว 1,200 จุด จับตาการประชุมเฟด ความขัดแย้งทางการค้า

เงินบาทแข็งค่า หุ้นไทยขยับ แต่ยังปิดต่ำกว่าแนว 1,200 จุด จับตาการประชุมเฟด ความขัดแย้งทางการค้า

เงินบาทแข็งค่า

หุ้นไทยขยับ แต่ยังปิดต่ำกว่าแนว 1,200 จุด

จับตาการประชุมเฟด ความขัดแย้งทางการค้า

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

  • เงินบาทอ่อนค่าช่วงแรก แต่ฟื้นตัวกลับตามราคาทองคำตลาดโลกที่กลับมายืนเหนือแนว 2,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้ง

เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงประคองบางส่วนจากสัญญาณจากประธานเฟด ซึ่งสะท้อนว่า เฟดจะยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นอกจากนี้ การปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกยังเพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทด้วยเช่นกัน

เงินบาทเริ่มฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากความกังวลในเรื่องสงครามการค้าที่อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจนถึงช่วงปลายสัปดาห์จากราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับมายืนเหนือแนว 2,900 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้ง และสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ

ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (7 มี.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 8,406 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 9,345 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 9,770 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 426 ล้านบาท)

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 มี.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินและ dot plot ของเฟด (18-19 มี.ค.) สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและสัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. ผลการสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ, BOE และ Bank Indonesia ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR และตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในเดือนม.ค.-ก.พ. อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • ดัชนีหุ้นไทยปิดต่ำกว่า 1,200 จุด แม้จะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์

ดัชนีหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวผันผวนต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากผลกระทบของนโยบายประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจจีนหลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ออกมาต่ำกว่าคาด ก่อนจะดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมาตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ หลังมีรายงานข่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX เพื่อประคองตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปกระจายในหลายอุตสาหกรรม

ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์และแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีครั้งใหม่ ที่ 1,157.96 จุด หลังตอบรับปัจจัยบวกจากข่าวกองทุน Thai ESGX ไปพอสมควร โดยนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา-อียูเพิ่มเติมเข้ามาในระหว่างสัปดาห์ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายหุ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่มีปัจจัยลบเพิ่มเติม (จากรายงานข่าวที่ว่ากสทช. อยู่ระหว่างทบทวนแนวทางการประมูลคลื่นความถี่) อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยฟื้นกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงซื้อคืนหลังร่วงลงแรงก่อนหน้านี้

ในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,173.76 จุด ลดลง 2.35% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 40,271.08 ล้านบาท ลดลง 9.69% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.39% มาปิดที่ระดับ 246.17 จุด

สัปดาห์นี้(17-21 มี.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,150 และ 1,140 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,190 และ 1,200 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (18-19 มี.ค.) ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ BOE อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนมี.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น

You may also like

“ส.ประกันวินาศฯ”เข้ม! รุกสกัดพวกจัดฉากฉ้อฉลประกัน ชี้ล่าสุดหวังเคลมกว่า 14 ล้าน พบพิรุธทำประกัน 28 ฉบับ

“ส.ประกั