เบสท์ ประเทศไทย เดินหน้าลุยปี 67
มุ่งผู้นำธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ครบวงจร
จอร์จ ชูว์ กรรมการบริษัท เบสท์ อิงค์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และการลงทุน และ CEO เบสท์ ประเทศไทย และเบสท์ สิงคโปร์ เผยแนวคิดเชิงกลยุทธ์ในปี 2567 ของเบสท์ ประเทศไทย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดขนส่งโลจิสติกส์ เน้นย้ำความสำคัญและจุดเด่นของ “แฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ” เสริมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจควบคู่ไปกับการปรับปรุงคุณภาพด้านบริการ พร้อมเชื่อมต่อ 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน (BEST Express) ธุรกิจการจัดการคลังสินค้า (BEST Supply Chain) ธุรกิจขนส่งพัสดุข้ามพรมแดน (BEST Cross Border) และธุรกิจซอฟท์แวร์โซลูชัน (BEST Software) มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการขนส่งโลจิสติกส์แบบครบวงจร
เบสท์ เป็นบริษัทจัดส่งพัสดุแห่งแรกของประเทศไทยที่เสนอให้นักลงทุนในท้องถิ่นได้เข้ามาร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน ผ่านการบริหารจัดการในรูปแบบ “แฟรนไชส์ขนส่ง 100%” ซึ่งเป็นโมเดลที่สามารถดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ได้อย่างยั่งยืน โดยผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ BEST Express ล้วนมีความสามารถในการบริหารจัดการด้านการขนส่งพัสดุ การประสานงาน และการสร้างความประทับใจของลูกค้าในพื้นที่ที่ดูแล ทำให้สามารถดำเนินการรับ-ส่งพัสดุได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ทั้งยังบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของเบสท์ สำนักงานใหญ่ได้ใช้งบประมาณกว่า 3.5 พันล้านบาทในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และเครือข่ายการขนส่งโลจิสติกส์ในประเทศไทย อาทิ การขยายศูนย์กระจายพัสดุ คลังสินค้า การพัฒนาระบบการบริหารจัดการ การฝึกอบรม และระบบการปฏิบัติการ ฯลฯ เพื่อพัฒนาเครือข่ายแฟรนไชส์ให้แข็งแกร่ง และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น เบสท์ ประเทศไทย ได้วางกลยุทธ์การให้บริการสำหรับธุรกิจขนส่งพัสดุข้ามพรมแดน (cross-border) และการบริหารจัดการคลังสินค้า (supply chain) พร้อมกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งในด้านเทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ข้อมูลในการจัดส่งพัสดุที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเบสท์ รวมถึงการพัฒนาระบบ SaaS หรือซอฟต์แวร์โซลูชั่นด้านธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร เพื่อส่งมอบบริการที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ด้วยประสบการณ์การทำงานที่หลากหลายเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจการเงินและการธนาคาร รวมถึงการบริหารความเสี่ยง คุณจอร์จ ชูว์ ยังเคยดํารงตําแหน่งผู้บริหารอาวุโสกับสถาบันการเงินและการธนาคารระดับโลกหลายแห่ง รวมถึงการให้คําปรึกษากับบริษัทข้ามชาติเกี่ยวกับการบริหาร และการแก้ปัญหาธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งการนำประสบการณ์เหล่านี้มาปรับใช้ในการทำธุรกิจด้านการขนส่งโลจิสติกส์ และการบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ ส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์แบบครบวงจร เชื่อมต่อธุรกิจขนส่งพัสดุในประเทศไทย จีน และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าไว้ด้วยกัน
“เป้าหมายสูงสุดของเราไม่ใช่เพียงแค่การสร้างเครือข่ายการขนส่งจากต้นทางไปยังปลายทางเท่านั้น แต่สิ่งที่เราต้องการทำจริง ๆ คือการเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน สามารถช่วยเหลือผู้ขายสินค้าด้วยการทำให้การขนส่งโลจิสติกส์สะดวกสบาย รวดเร็ว มีต้นทุนที่ต่ำลง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยวิสัยทัศน์ของเราตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ คือ การมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าด้วยการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่เราทำมาตลอด 15 ปี และในอนาคตยังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่เบสท์จะต้องพัฒนา และปรับปรุงให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา” คุณจอร์จ กล่าวปิดท้าย
เบสท์ อิงค์ (BEST Inc.) บริษัทแม่ของเบสท์ ประเทศไทย ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ และการสร้างเครือข่ายการให้บริการแบบครบวงจร จากข้อได้เปรียบในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ทั้งการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ และเครื่องจักรต่าง ๆ ที่ทันสมัย ทำให้สามารถสร้างเครือข่ายขนส่งโลจิสติกส์แบบ B2B2C ระหว่างจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาเหนือ โดยในประเทศไทย เบสท์ ยังคงพัฒนาและปรับปรุงขีดความสามารถในการให้บริการเครือข่ายขนส่งอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายคลังสินค้า การขนส่งพัสดุข้ามพรมแดน และบริการอื่น ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 (Quality Management) ที่เบสท์ ประเทศไทย ได้รับจาก Lloyd’s Register (LRQA) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศด้านคุณภาพ และประสิทธิภาพของการดำเนินการให้บริการขนส่งพัสดุ และการบริหารจัดการคลังสินค้าที่ได้มาตรฐานสากล การรันตีด้วยรางวัลแฟรนไชส์ยอดเยี่ยมจากการประกวดรางวัลธุรกิจแฟรนไชส์ไทย (Thailand Franchise Award) จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ถึง 3 ปีซ้อน
Social Links