เปิดมุมมอง อดีต รมต.อลงกรณ์ วิเคราะห์ข้อตกลงการค้า สหรัฐ-จีน และสหรัฐ-อังกฤษ สู่ข้อมูลแนวทางเจรจาไทย-สหรัฐ

เปิดมุมมอง อดีต รมต.อลงกรณ์ วิเคราะห์ข้อตกลงการค้า สหรัฐ-จีน และสหรัฐ-อังกฤษ สู่ข้อมูลแนวทางเจรจาไทย-สหรัฐ

เปิดมุมมอง อดีต รมต.อลงกรณ์

วิเคราะห์ข้อตกลงการค้า สหรัฐ-จีน และสหรัฐ-อังกฤษ

สู่ข้อมูลแนวทางเจรจาไทย-สหรัฐ

 นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์เฟสบุ้ค เรื่องบทวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับอังกฤษและสหรัฐฯ กับจีนวันนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้โดยมีข้อความดังนี้

1.ความเหมือนของข้อตกลงสหรัฐฯกับอังกฤษและสหรัฐฯ กับจีน

1.1 เป้าหมายหลัก

ทั้งสองข้อตกลงมุ่ง ลดความตึงเครียดทางการค้าและแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

1.2 กรอบเวลา 90 วัน

ทั้งสองฝ่ายใช้กรอบเวลา 90 วันเป็นระยะชั่วคราวเพื่อประเมินผลและปรับนโยบาย

สหรัฐฯ-อังกฤษ: ข้อตกลงมีผลถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2568

สหรัฐฯ-จีน: ระงับภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน เริ่ม 14 พ.ค. 2568

1.3การลดภาษีศุลกากร

สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าเป้าหมาย เช่น รถยนต์ เหล็ก (อังกฤษ) และสินค้าอุตสาหกรรม (จีน)

มีการกำหนด โควตาสินค้าเพื่อควบคุมปริมาณการนำเข้า (เช่น รถยนต์อังกฤษ 1 แสนคัน)

1.4 การเปิดตลาดสินค้าเกษตร

ทั้งสองข้อตกลงเน้นการขยายตลาดสินค้าเกษตร เช่น เนื้อวัวสหรัฐฯ ไปอังกฤษ และสินค้าเกษตรจีนไปสหรัฐฯ

1.5 การจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือร่วม

  1. สหรัฐฯกับอังกฤษตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วม (Working Groups)

เป็นรูปแบบทีมเจรจาเฉพาะด้าน เช่น

ด้านเกษตรกรรม: เพิ่มการเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ ในอังกฤษ

ด้านเภสัชกรรม: ลดภาษีและอำนวยความสะดวกการส่งออกยาจากอังกฤษ หลังสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการสอบสวนมาตรา 232

ด้านพลังงานสะอาด: ร่วมมือด้านเทคโนโลยีพลังงานทดแทน 

2.สหรัฐฯและจีนตกลงจัดตั้ง กลไกการหารือทางเศรษฐกิจและการค้าโดยมีตัวแทนหลักคือ:

ฝ่ายจีน : เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี

ฝ่ายสหรัฐฯ :สก็อตต์ เบสเซนต์ (รัฐมนตรีคลัง) และจามีสัน กรีร์ (ผู้แทนการค้า)

กลไกนี้จะจัดการเจรจาต่อเนื่องทั้งในจีน สหรัฐฯ หรือประเทศที่ตกลงร่วมกัน

  1. ความต่างของข้อตกลง

2.1ข้อตกลงสหรัฐฯ-อังกฤษ

  1. ลักษณะข้อตกลง

เป็นข้อตกลงทวิภาคีเฉพาะด้าน(รถยนต์ เหล็ก เกษตร) ยังไม่ครอบคลุมบริการหรือดิจิทัล

อังกฤษยอมรับ ภาษีดิจิทัล 2%ของสหรัฐฯ โดยไม่เปลี่ยนแปลง

  1. เงื่อนไขภาษี

ลดภาษีรถยนต์อังกฤษจาก 25% เหลือ 10% (เฉพาะ 1 แสนคันแรก)

ยกเลิกภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมอังกฤษเป็น 0%

 3.ผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์

เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ และเป็นต้นแบบสำหรับการเจรจากับประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์

อังกฤษจะสั่งซื้อเครื่องบิน Boeing มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์

2.2ข้อตกลงสหรัฐฯ-จีน

  1. ลักษณะข้อตกลง

ครอบคลุมประเด็นซับซ้อน เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา การอุดหนุนอุตสาหกรรม การควบคุมสารเฟนทานิล

จัดตั้ง กลไกการปรึกษาหารือถาวรโดยมีตัวแทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่าย

  1. เงื่อนไขภาษี

สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าจีนจาก 145% เหลือ 30%

จีนลดภาษีสินค้าสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10%

3.ประเด็นความมั่นคง

สหรัฐฯ กดดันจีนควบคุม การผลิตสารเฟนทานิลที่รั่วไหลไปยังตลาดมืดอเมริกา

จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิก การบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี

3.ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ

สหรัฐฯกับอังกฤษ เน้น การฟื้นฟูความสัมพันธ์แบบดั้งเดิมและลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากจีน

สหรัฐฯกับจีน มุ่งแก้ไขปัญหาการค้าเชิงโครงสร้างและลดอิทธิพลของจีนในตลาดโลก

4.ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

ข้อตกลงสหรัฐฯ-อังกฤษส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่ง โดยเฉพาะหุ้น Boeing และ Rolls-Royce

ข้อตกลงสหรัฐฯ-จีนช่วยคลี่คลายความกังวลเรื่อง ภาวะเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

สรุป

ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯกับอังกฤษและจีน แม้ยังมีประเด็นท้าทายที่ต้องแก้ไขในระยะต่อไป เช่น การอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมและความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี

ทั้งสองข้อตกลงสะท้อน ยุทธศาสตร์ “America First”ของทรัมป์ ที่มุ่งใช้การเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาการค้า แต่ความสำเร็จในระยะยาวยังขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่นและความร่วมมือของคู่เจรจา

หวังว่าบทวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบนี้จะเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้.

You may also like

คปภ.ระดมสมอง แก้ไขแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ลูกค้าธุรกิจประกันวินาศภัย/ชีวิต

คปภ.ระดม