เมืองไร้เงินสดมาเร็ว – จะรับมืออย่างไร?
กระแส “เมืองไร้เงินสด” มาเร็วกว่าที่คาด! ไม่ว่าทางการไทยคิดจะสกัดกั้นปรากฏการณ์นี้ ตามข้อเสนอและแรงบีบของบางธุรกิจขนาดใหญ่อย่างไร? ก็คงมิอาจทัดทานได้อีกต่อไป ยิ่งทางการจีน “หนุนนำ” ให้ “แจ๊ค หม่า” เร่งรัดตัดตอนสร้าง “เมืองและมณฑลไร้เงินสด” มากเท่าใด? สิ่งนี้…ก็จะยิ่งเกิดขึ้นได้เร็วกับเมืองไทยมากเท่านั้น
อิทธิพลของ “รัฐบาลปักกิ่ง” ย่อมมีผลกระทบโดยตรง! ต่อการตัดสินใจและการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและการเงินของรัฐบาลไทย โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่พร้อมจ่ายเงินออนไลน์จำนวนมหาศาล เป็นเครื่องต่อรองสำคัญ ไม่น้อยกว่านโยบายการเมืองระหว่างประเทศสักเท่าใด?
ล่าสุด! เป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เริ่ม “โครงการนำร่อง” ให้กับ 5 แบงก์พาณิชย์ คือ กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย กรุงไทย และธนาคารออมสิน ซึ่งได้ประกาศเข้าร่วมทดสอบโครงการ QR Code Payment สำหรับการให้บริการผ่านระบบ “พร้อมเพย์” ก่อนหน้านี้ โดยเปิดทางให้ทั้ง 5 แบงก์พาณิชย์เหล่านี้ สามารถดำเนินธุรกรรมทางการเงินได้ทั่วประเทศ จากเดิมที่เคยจำกัดวงไว้เฉพาะแค่…ตลาดนัดสวนจตุจักร สยามสแควร์ และแพลทินัม
ผลจากการนี้…จะยิ่งทำให้โอกาสการใช้จ่ายเงินผ่านระบบออนไลน์ในเมืองไทย เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด! นั่นเพราะธนาคารเหล่านี้ ต่างเร่งสร้างสารพัด “แคมเปญพิเศษ” หวังดึงดูดร้านค้า ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ มาเปิดบัญชีเพื่อรับชำระเงินผ่านระบบ “คิวอาร์โค้ด” ซึ่งระบบนี้ ไม่เพียงตัดวงจร “เงินสด” ออกไป จนทำให้เกิดความสะดวกและปลอดภัยแก่…เจ้าของเงิน และธุรกิจร้านค้าต่างๆ เท่านั้น
หากยังทำให้โอกาสที่ร้านค้าเหล่านั้น จะทำบัญชีซื้อขายและบัญชีรายรับ-รายจ่าย “ซ้อน” เพื่อหวังเลี่ยงการจ่ายภาษีให้รัฐ ผ่านกรมสรรพากร คงทำได้ยากขึ้น
นี่คือ “โอกาสในวิกฤติ” ของธุรกรรมการเงินยุคใหม่ ที่ใครก็ปิดกั้นหรือทัดทานมิได้
ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังเปิดเกมรุก! ด้วยการสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์และธุรกิจเอกชน หันมาให้ความสำคัญกับบริการ “อี-คอมเมิร์ซ” มากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ พวกเขากำลังเร่งศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ รวมถึงความเสี่ยงในด้านต่างๆ หากธนาคารแห่งประเทศไทยจะเปิดทางให้พาณิชย์เข้ามาทำธุรกิจ “อี-คอมเมิร์ซ” หลังจากนี้ คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า…โอกาสที่เมืองไทย จะ “ไหลตามน้ำ” กลายเป็นเมืองที่เข้าสู่ “สังคมไร้เงินสด” ตามกระแสจีนและกระแสโลก เกิดขึ้นได้เร็วแค่ไหน? และแผนการ “รับมือ” กับการเปลี่ยนแปลงแบบรวดเร็วปานสายฟ้าฟากนี้ ทางการไทย…จะรับมือกันอย่างไร?
กรมภาษี…อย่าง สรรพากร ซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บรายได้เข้าแผ่นดิน จะปิดช่องว่างการ “เลี่ยงภาษี” ได้มากน้อยแค่ไหน?
ขณะเดียวกัน คนไทย…ในฐานะผู้บริโภค จะอยู่ในจุดไหนของกลเกมธุรกรรมการเงินยุคใหม่ได้อย่างไร?
ที่สำคัญ “แก๊งอาชญากรเศรษฐกิจข้ามชาติ” ที่หลายกลุ่มมีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เอาเข้าจริง! ตำรวจเศรษฐกิจของไทยจะ “เอาอยู่” หรือ “เท่าทัน” กับเล่ห์เหลี่ยมหลายล้านเกวียนจากแก๊งเหล่านี้ ได้หรือเปล่า?
หรือต้องการจ่าย “ค่าโง่” เพื่อการเรียนรู้กันเสียก่อน!!!.
“ทีมข่าวเศรษฐกิจ”
สำนักข่าว ThaiBCCnews
Social Links