“เอเซีย พลัส”ชูธง!
กลยุทธ“จัดพอร์ตการลงทุน” 27-30 กย.
ผลการประชุม Fed แม้จะยังไม่มีการกำหนดรายละเอียดเรื่อง QE Tapering ทำให้ Sentiment ตลาดหุ้นยังดูดี แต่มุมมองเรื่องเงินเฟ้อ รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจในปี 2565 คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนด ซึ่งภาวะดังกล่าวน่าจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะต่อไปโดยฝ่ายวิจัยฯ ยังคงน้ำหนักการลงทุนทั้งหมดเท่าเดิมจากเดือนก่อนเริ่มจาก ตลาดหุ้นต่างประเทศ หรือ ETF ต่างประเทศ 30% (เท่าตลาดฯ) ส่วนตลาดหุ้นไทยเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นของการแพร่ระบาด อีกทั้งดัชนีหุ้นไทยยัง Laggard ตลาดหุ้นอื่นๆ อยู่มากเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด COVID ฝ่ายวิจัยฯ จึงคงน้ำหนักหุ้นไทยไว้ที่ 30% (เท่าตลาดฯ) โดยเน้นการลงทุนในหุ้นผันผวนต่ำ หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารลงทุนอื่นๆ เน้นลงทุนใน Product ที่ลงทุนในหุ้นไทยอย่าง ELN เป็นหลักโดยให้น้ำหนัก 15% (มากกว่าตลาดฯ) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากสภาวะตลาดหุ้นผันผวน และขาดปัจจัยหนุนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับคงน้ำหนักตราสารหนี้ไว้ที่ 20%(เท่าตลาดฯ) ส่วนสุดท้าย คือ ตลาดเงินเหลือน้ำหนักเพียง 5% รอจังหวะลงทุนเพิ่มเติมในรอบถัดไป
Social Links