กทม.ไร้ยุทธศาสตร์แก้ขยะล้นเมือง?
คนไทยหลายคน อาจรู้สึกปลาบปลื้มใจที่…กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมืองหลวงของประเทศไทย (และได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงอาเซียน” เพราะมีที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ได้รับรางวัลจาก “องค์กรนานาชาติ” มากมายหลายปีติดต่อกัน จนทำให้ กทม. กลายเป็น “จุดหมายปลายทางสุดท้าย” ของนักเดินทางและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ที่ต้องการจะมาเยี่ยมเยือนมากสุดเป็นอันดับ 2 รองจาก “มหานครลอนดอน” แห่งอังกฤษ
กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน กทม. ล้วนสร้างเม็ดเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจและผู้คนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้มากมาย จนทำให้รายได้ภาษี ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไหลเข้าคลังแผ่นดินแต่ละปี…มากมาย คิดเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาททีเดียว
แต่ “ในดีย่อมมีเลว” แฝง! เมืองที่มีผู้คนมากมาย ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ กว่า 17 ล้านคน ใช้ชีวิตและดำเนินธุรกิจ ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองที่ “ตื่น” ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นติดอันดับต้นๆ ของโลกแห่งนี้… กลับสกปรกสิ้นดี!
ตามท้องถนนรนแคม ทางเท้า สะพานลอยคนข้ามถนน แม้กระทั่งสะพานลอยสำหรับรถยนต์ รวมถึงในลำน้ำคูคลอง ทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลมากมาย ภาพขยะมูลฝอยที่ล่องลอยตามท้องถนนและลอยตามลำน้ำคูคลอง อาจจนกลายเป็นสิ่งปกติสำหรับคนไทยที่พบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่กับชาวต่างชาติแล้ว พวกเขาไม่ได้คิดเหมือนคนไทย ในทางกลับกันเขามองความสกปรกของ “เมืองหลวง” แห่งนี้…เป็นความน่ารังเกียจและน่าขยะแขยง พอๆ กับที่รู้สึกหวาดหวั่นกับกองทัพ “สุนัขจรจัด” ที่มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้กระทั่ง หน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งผู้คนเข้า-ออกตลอด 24 ชั่วโมง
แน่นอน…ปัญหานี้ย่อมหนีไม่พ้นความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร แต่ดูเหมือนเมืองที่ต้องทุ่มเทเม็ดเงินจำนวนหลายหมื่นล้านบาท เพื่อติดตั้ง “กล้องวงจรปิด” (CCTV) กว่า 5 หมื่นตัวทั่วกทม. รวมถึงอัดงบอีกเกือบ 300 ล้านบาท เพื่อจัดตั้ง “ศูนย์บริหารจัดการกล้องวงจรปิด” สำหรับบริหารกล้องวงจรปิดเป็นการเฉพาะอีก 12 แห่งนั้น จะล้มเหลวต่อการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมเหล่านี้อย่างสิ้นเชิง!
กรุงเทพมหานครอาจอ้างเหตุผลของการติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อใช้ควบคุมดูแลและติดตามการกระทำผิดต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่กรุงเทพมหานคร ก็ต้องไม่ลืม “คุณภาพชีวิต” ของคนเหล่านี้ด้วย จะปล่อยให้ “เมืองหลวง” ของไทย กลายเป็นแหล่งเพาะ “เชื้อร้าย” ของสารพัดโรคร้าย ที่เกิดจากความสกปรกของบ้านเมืองไม่ได้เป็นอันขาด
กรุงเทพมหานครภายใต้การนำของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง “ผู้ว่าฯกทม.” ที่มาจากอำนาจพิเศษของ คสช. จะต้องเร่งประสานกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เท่าที่ทราบนั้น…สถานีตำรวจนครบาลทั้ง 88 แห่ง ได้ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามบริเวณสี่แยกไฟแดงต่างๆ มากกว่า14,000 ตัว นี่ยังไม่นับรวมกล้องวงจรปิดของธุรกิจห้างร้านภาคเอกชน และบ้านเรือนประชาชนที่ทำการติดตั้งเอาไว้แล้วอีกหลายหมื่นตัว
หากกรุงเทพมหานคร จะกำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ต่อการจะรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะอาดของเมืองหลวงแห่งนี้ ผ่านระบบการบริหารจัดการกล้องวงจรปิด ด้วยการสั่ง “จับผิด” กลุ่มคนไร้จิตสำนึก ซึ่งมีทั้งแรงงานไทยต่างถิ่น และแรงงานต่างด้าว แล้วล่ะก็ มันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก
“อำนาจรัฐ” ในมือที่มี บวกกับการ “บูรณาการ” ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ก็น่าจะทำให้ปัญหาความสกปรกของเมืองหลวงแห่งนี้ คลายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นได้ไม่ยาก…
ว่าแต่ผู้บริหารกรุงเทพมหานครยุคนี้…คิดเป็นทำเป็น ต่อการจะสร้างยุทธศาสตร์ในเชิงสร้างสรรค์เป็นรึป่าว?.
สุเมธ จันสุตะ
Social Links